xs
xsm
sm
md
lg

ตุรกีเปิด “ค่ายผู้ลี้ภัย” ใหญ่สุดของประเทศ มุ่งรองรับผู้พลัดถิ่นหนีภัยสู้รบ IS จากซีเรีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - วานนี้ (25 ม.ค.) ตุรกีได้เปิดค่ายผู้ลี้ภัยแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อรองรับชาวซีเรีย 35,000 คน ที่หลบหนีภัยสู้รบระหว่างกองกำลังชาวเคิร์ด กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) มาจากเมืองโคบานี ซึ่งตั้งอยู่ติดกับพรมแดนตุรกี สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (AFAD) เปิดเผย

โดกัน เอสกินัต โฆษกของ AFAD ระบุกับรอยเตอร์ว่า ค่ายผู้ลี้ภัยในเขตซีรูจ เมืองชานลึอูร์ฟา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีแห่งนี้ มีโรงพยาบาล 2 แห่ง คลินิก 7 แห่ง และห้องเรียนที่สามารถรองรับนักเรียนได้ 10,000 คน

เขากล่าวว่า วิกฤตสู้รบในเมืองโคบานี ที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนได้จุดประกายให้ผู้ลี้ภัยราว 20,000 คนไหลบ่าเข้าสู่ตุรกี และ AFAD กำลังเฝ้าจับตาว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ก่อนจะตัดสินใจว่า ควรก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เพิ่มเติม

เอสกินัตระบุว่า เดิมที ตุรกีมีค่ายผู้ลี้ภัยราว 24 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวซีเรีย 265,000 คน และยังมีอีกแห่งหนึ่งซึ่งกำลังจะเปิดตัวที่เมืองมาร์ดิน ทั้งนี้ นับแต่สงครามซีเรียเปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 มีประชาชนถูกสังหารไปแล้วกว่า 200,000 คน ในขณะที่มีชาวซีเรียพลัดถิ่นหนีภัยสู้รบอีกหลายล้านคน

ผู้ลี้ภัย 1.7 ล้านคนในตุรกี ส่วนใหญ่อาศัยอยู่นอกค่าย บ้างต้องเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนน และอาศัยในเมืองอันทุรกันดาร ทั้งยังเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับชาวตุรกีในท้องถิ่น แต่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเริ่มส่งผู้ลี้ภัยที่ยังระหกระเหินอยู่ข้างถนน เข้าไปอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแล้ว

กลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลามได้บุกจู่โจมเมืองโคบานี เมื่อกว่าสี่เดือนก่อน ขณะที่กองกำลังชาวเคิร์ดในอิรักได้ระดมพลเข้าช่วยชาวเคิร์ดในซีเรียต่อกรกับกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง ที่กำลังรุกคืบเข้าสู่เมืองชายแดนของซีเรียแห่งนี้ ส่วนกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ ก็ผนึกกำลังกันทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มนักรบ และอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐอิสลาม เพื่อผลักดันกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ให้ล่าถอยออกจากเมือง และหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง

กองกำลังชาวเคิร์ด ซึ่งสามารถรักษาเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก ทางตอนเหนือของประเทศเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้สามารถยึดพื้นที่ในเมืองโคบานีไว้ได้ราว 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ตามข้อมูลขององค์การสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมนไรต์ส” ที่มีสำนักงานใหญ่ในอังกฤษ และคอยเกาะติดสถานการณ์สงครามในซีเรีย ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปีเต็ม



กำลังโหลดความคิดเห็น