เอพี – เจ้าหน้าที่และนักเคลื่อนไหวชาวเคิร์ดระบุว่า กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ได้เปิดฉากโจมตีเมืองโคบานี ของซีเรีย จากฝั่งตุรกีเป็นครั้งแรก แม้ว่าตุรกีจะออกมายืนกรานว่า นักรบกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้อาณาเขตของตนเป็นฐานจู่โจมก็ตาม
องค์การ “ซีเรียนออบเซอร์วาทอรีฟอร์ฮิวแมนไรต์ส” ที่มีฐานในอังกฤษ และมีจุดยืนเป็นปรปักษ์ต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย รายงานโดยอ้างคำพูด นาวาฟ คาลิล โฆษกพรรคสหภาพประชาธิปไตยชาวเคิร์ด โดยระบุว่า การสู้รบเริ่มต้นขึ้น เมื่อมือระเบิดฆ่าตัวตายคนหนึ่งได้กดชนวนระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะบริเวณจุดผ่านแดนเมืองโคบานี – ตุรกี
คาลิลกล่าวว่า กลุ่มรัฐอิสลาม “เคยโจมตีเมือง (โคบานี) จากสามทิศทาง” แต่ “วันนี้ พวกเขาโจมตีจากสี่ทิศ”
ตุรกี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรียต่อสู้โค่นล้มประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมืองที่ซีเรีย ยังคงลังเลไม่กล้าให้การสนับสนุนชาวเคิร์ดในเมืองโคบานี ในการลุกขึ้นสู้ไอเอส ด้วยเกรงว่าจะเป็นการจุดประกายให้ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ลุกฮือขึ้นประกาศเอกราช
วานนี้ (29) รัฐบาลตุรกีออกคำแถลงยืนยันว่า มีการใช้ยานพาหนะติดระเบิดก่อเหตุในพรมแดนฝั่งซีเรียจริง แต่ปฏิเสธว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้เข้าสู่โคบานีผ่านทางพรมแดนตุรกี ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็จะนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนักรบหัวรุนแรงกลุ่มนี้ก่อเหตุจากฝั่งตุรกี
ในการแถลง ณ ที่ทำการของรัฐบาลบริเวณเมืองซูรุก ของตุรกีซึ่งตั้งอยู่ติดกับซีเรีย รัฐบาลตุรกีระบุว่า “คำกล่าวอ้างที่ว่า มียานพาหนะแล่นผ่านแผ่นดินตุรกี ไปถึงประตูพรมแดนซีเรียเป็นเรื่องโกหก ในทางตรงกันข้าม ไม่มีพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดของตุรกีแถลงว่า พบยานพาหนะซุกระเบิดข้ามจากพรมแดนตุรกี” เข้าซีเรีย
คำแถลงระบุต่อไปว่า “กองกำลังความมั่นคงที่เฝ้าระวังความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนได้ ... ดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นทุกอย่างแล้ว”
มุสตาฟา บาลี นักเคลื่อนไหวชาวโคบานีให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า กลุ่มรัฐอิสลามบุกเข้ายึดฉางธัญพืชฝั่งตุรกี ก่อนเปิดฉากโจมตีจุดผ่านแดน และเสริมว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (29) กลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินรบออกโจมตีทางอากาศทางตะวันออกของเมืองโคบานี
บาลีกล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่า ตุรกีกำลังร่วมมือกับแดช (กลุ่มรัฐอิสลาม) อย่างเปิดเผย” ต่อมาเขาระบุว่า สถานการณ์บริเวณพรมแดนเริ่มสงบลง หลังเกิดเหตุปะทะอย่างหนักหน่วงนานหนึ่งวัน
ด้าน หน่วยข่าวกรอง SITE ที่เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายรายงานว่า กลุ่มรัฐอิสลามได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ระลอกที่พรมแดนเมืองโคบานี ผ่านทางทวิตเตอร์ พร้อมกับชี้ว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งเหล่านี้เป็นฝีมือของชาวซาอุดีอาระเบีย และชาวเติร์ก โดยหนึ่งในคนร้ายขับรถหุ้มเกราะ
ทั้งนี้ กลุ่มรัฐอิสลามเริ่มก่อเหตุโจมตีเมืองโคบานีเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน พร้อมกับบุกยึดครองพื้นที่บางส่วนในเมืองนี้ ตลอดจนหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงอีกหลายสิบแห่ง ทำให้โคบานีกลายเป็นเป้าหมายในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ ที่ผนึกกำลังกันกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงไอเอส
กลุ่มนักรบชาวเคิร์ดได้รุกคืบเข้าสู่เมืองโคบานีนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อกองกำลังเปชเมการ์ของชาวเคิร์ดในอิรัก ที่ได้รับการสนับสนุนทางอาวุธอย่างดีผนึกกำลังกับชาวเคิร์ดในซีเรีย เพื่อลุกขึ้นต่อสู้กับกลุ่มไอเอส จนทำให้กลุ่มติดอาวุธทั้งสองฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปหลายร้อยคนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
กลุ่มรัฐอิสลามได้ประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบอิสลาม ในพื้นที่ยึดครองที่อิรักและซีเรีย และบังคับใช้กฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) ซึ่งผ่านการตีความอย่างเข้มงวดรุนแรงในดินแดนเหล่านี้ นอกจากนี้ยังไล่สังหารหมู่กองกำลังของรัฐบาล ชนกลุ่มน้อยต่างชาติพันธ์ และใครก็ตามที่แข็งขืนลุกขึ้นต่อต้าน