เอเอฟพี - สื่ออเมริกันรายงานข่าวในคืนวันอาทิตย์ (16 พ.ย.) ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องปิดเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของตนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่พบหลักฐานว่าอาจมีมือดีแฮ็คข้อมูล
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งผ่านทางอีเมลล์เมื่อคืนวันศุกร์ (14 พ.ย.) ว่าจะทำการปิดเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร ตามกำหนดซ่อมบำรุงปกติ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้อีเมลล์และการเข้าถึงเว็บไซต์ของกระทรวงฯ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวในวันอาทิตย์ ที่ระบุว่า พบหลักฐานบ่งชี้ว่าอาจมีผู้ทะลวงการป้องกันในส่วนของระบบจัดการอีเมลล์ที่ไม่ใช่ข้อมูลลับ
เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งบอกกับวอชิงตันโพสต์ว่า มีความกังวลเกิดขึ้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ไม่มีระบบในส่วนที่เป็นข้อมูลลับถูกบุกรุก
หากมีการแฮ็คเกิดขึ้นจริง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะกลายเป็นรายล่าสุดของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องถูกแฮ็คข้อมูล ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าการถูกแฮ็คครั้งก่อนๆ นั้นมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริการไปรษณีย์ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า โดนแฮ็คเกอร์ขโมยเอาข้อมูลบุคคลและลูกจ้าง รวมถึงลูกค้าบางรายไปจากฐานข้อมูล
โฆษกของไปรษณีย์สหรัฐฯ ระบุว่า การแฮ็คครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อผู้คนราวๆ 800,000 คนที่ได้รับการจ่ายเงินจากไปรษณีย์ ทั้งในส่วนของลูกจ้างและผู้ติดต่อจากบริษัทเอกชน
คำแถลงระบุอีกว่า แฮ็คเกอร์ยังได้เจาะข้อมูลระบบการจ่ายเงินของที่ทำการไปรษณีย์หลายแห่ง รวมถึงการจ่ายเงินแบบออนไลน์ ซึ่งลูกค้ามักจะใช้จ่ายบิลค่าบริการต่างๆ ตอนนี้ทางหน่วยงานกำลังร่วมมือกับเอฟบีไอและผู้บังคับใช้กฏหมายอื่นๆ ในการสืบสวนเรื่องนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว ทำเนียบขาว ก็มีรายงานการถูกบุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในส่วนที่ไม่ใช่ข้อมูลลับ และเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ ผู้ใช้งานในทำเนียบขาวบางรายจึงถูกตัดออกจากเครือข่ายเป็นการชั่วคราว แต่เครื่องคอมพิวเตอร์และระบบต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย
วอชิงตันโพสต์ได้อ้างคำพูดของแหล่งข่าว ที่ระบุว่า แฮ็คเกอร์น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งอยู่เบื้องหลังการเจาะข้อมูลหลายครั้งที่ผ่านมา