เอเอฟพี – กลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องในวันนี้ (24) ให้เพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อสู้ภัยเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกขึ้นเป็น 1 พันล้านยูโร (ราว 4.1 หมื่นล้านบาท) เฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานอียู กล่าว
“อียูจะเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินเป็น 1 พันล้านยูโร เพื่อสู้กับเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก” ฟาน รอมปุย ทวีตข้อความในวันที่สองของการประชุมซัมมิตผู้นำอียูในกรุงบรัสเซลส์
ชาติสมาชิก 28 ประเทศและคณะกรรมาธิการได้วางมัดจำไว้แล้วเกือบ 600 ล้านยูโร ( 2.4 หมื่นล้านบาท) เพื่อนำมาจ่ายค่าเจ้าหน้าที่และเครื่องอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุด อย่าง ไลบีเรีย , เซียร์ราลีโอน , กินี ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตจากโรคนี้แล้วราว 4,900 คน
นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษเป็นแกนนำเรียกร้องให้เพิ่มเงินเป็น 1 พันล้านยูโร พร้อมเร้าให้เพื่อนสมาชิกอียูของเขาร่วมสมทบกับความพยายามของลอนดอนเพื่อควบคุมโรคที่ไม่มีทั้งวัคซีนและหนทางรักษาให้หายขาด มีแต่เพียงการรักษาด้วยการบำบัดเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อแล้วราว 10,000 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การติดเชื้ออาจทะยานถึง 10,000 คนต่อสัปดาห์ภายในต้นเดือนธันวาคม ซึ่งนับเป็นการคาดการณ์ที่น่ากลัวสำหรับโรคชนิดนี้ที่มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์
ผู้ติดเชื้อบางคนถูกแยกเดี่ยวในสหรัฐฯและยุโรป แต่ทางการพยายามที่ส่งทรัพยากรต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เข้าสู่แอฟริกาตะวันตก ด้วยหวังว่ามันจะช่วยยับยั้งเชื้อมรณะชนิดนี้ตั้งแต่ที่ต้นทางหลักของมัน
เมื่อวันพฤหัสบดี (23) เจ้าหน้าที่ ระบุว่า แพทย์รายหนึ่งที่เดินมายังมหานครนิวยอร์กหลังจากกลับมาจากการรักษาผู้ป่วยอีโบลาในกินี มีผลเลือดเป็นบวก โดยนับเป็นผู้ติดเชื้อคนแรกในเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ของสหรัฐฯ
วิกฤตเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นความกังวลหลักในที่ประชุมซัมมิตอียูครั้งนี้ โดยนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีเรียกร้องให้กลุ่มสมาชิกตกลงเรื่องจำนวนของเจ้าหน้าที่ที่ควรส่งไปยังแอฟริกาเพื่อสู้กับภัยอีโบลาในพื้นที่
เมื่อวานนี้ (23) กลุ่มผู้นำเห็นพ้องให้แต่งตั้ง คริสตอส สตายเลียนีเดส ซึ่งกำลังจะเป็นข้อหลวงใหญ่เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแห่งไซปรัส ขึ้นเป็นผู้ประสานงานเพื่อการตอบสนองวิกฤตอีโบลา
