เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ออสเตรเลียประกาศวันนี้(14) ถึง “วีซ่านักลงทุนระดับพรีเมียม” เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไม่ต่ำกว่า 15 ล้านดอลลาร์ออส. หรือ 13 ล้านดอลลาร์ และจะได้รับสถานภาพเป็นผู้พำนักถาวรในออสเตรเลีย 1 ปีหลังจากนั้น โดยกำหนดจะเริ่มออกวีซ่าประเภทใหม่นี้คาดว่าจะเป็นกรกฎาคม ปีถัดไป ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ 24 พฤศจิกายน 2012 – 30 กันยายน 2014 88 % ของวีซ่านักลงทุนมาจากจีน ในขณะเดียวกันมีแนวคิดปฎิรูป “วีซ่าทักษะอาชีพ” กับแรงงานต่างชาติ รวมไปถึงการลดความเข้มงวดในการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ แถลงถึงวีซ่าประเภทใหม่ภายใต้โปรแกรมส่งเสริมการลงทุนออสเตรเลียที่ต้องการนำเม็ดเงินเข้าสู่แดนจิงโจ้ โดยกำหนดว่า ออสเตรเลียจะมอบวีซ่าระยะเวลา 4ปีให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในประเทศอย่างน้อยจำนวน5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
“ทางรัฐบาลจะปฎิรูปโครงการส่งเสริมการลงทุนนี้เพื่อดึงดูดนักลงทุนกระเป๋าหนักให้คิดว่าออสเตรเลียเป็นเสมือนบ้านที่สองของพวกเขา” แอ็บบอตต์แถลงร่วมกับรัฐมนตรีคนเข้าเมืองและรัฐมนตรีการค้าของออสเตรเลียวันนี้(14)
ทั้งนี้แถลงการณ์ร่วมระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นและในขณะเดียวกันสามารถจัดการควบคุมการลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันออสเตรเลียจะยังคงสามารถป้องกันไม่ให้ใช้โครงการวีซ่าเพื่อการลงทุนนี้ไปในจุดประสงค์อื่น โดยมีความคาดหวังว่าการปฎิรูปครั้งนี้จะสามารถทำให้รัฐบาลออสเตรเลียนำเม็ดเงินร่วม 6 พันล้านดอลลาร์ออส.ต่อปี ในขณะที่แอ็บบอตต์ประกาศโครงการนี้ออกมา เป็นเวลาเดียวกับที่จีนได้เริ่มต้นการสืบสวนคอรัปชันฉาวในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐที่ลักลอบนำเงินที่ได้จากการคอรัปชันไปต่างแดน
เอเอฟพียังรายงานเพิ่มเติมว่า การปฎิรูปยังทำให้รัฐบาลออสเตรเลียสามารถกำหนดความจำเป็นความสำคัญก่อนหลังในการออกวีซ่าให้ตรงกับประเภทการลงทุนที่ออสเตรเลียต้องการ
โดยรัฐบาลออสเตรเลียออกวีซ่าลงทุนให้กับนักลงทุนต่างชาติร่วม 436 คนจากทั้งหมด 1,746 คนที่ร้องขอในช่วงระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน 2012 – วันที่ 30 กันยายน 2014 สามารถนำเม็ดเงินเข้าประเทศได้ราว 2.18 พันล้านดอลลาร์ออส.ผ่านโครงการส่งเสริมการลงทุนนี้ ซึ่งพบว่า 88 % ที่ถือวีซ่าจากโครงการนี้มาจากจีน
อย่างไรก็ตามรอยเตอร์รายงานว่า นักวิเคราห์ไม่คิดว่า การปฎิรูประบบคนเข้าเมืองเพื่อดึงดูดนักลงทุนจะสามารถทำให้นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากหันเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในออสเตรเลียได้ นอกจากนี้นักลงทุนจีนยังถูกกล่าวหาในออสเตรเลียว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในแดนจิงโจ้มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลออสเตรเลียต้องจัดหาบ้านราคาถูกให้กับชาวออสเตรเลีย
นอกจากนี้แอ็บบอตต์ยังประกาศที่จะปฎิรูปวีซ่าทักษะอาชีพ(SC457) ซึ่งที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลพรรคแรงงานได้กำหนดให้วีซ่าประเภทนี้มีกฎเกณที่เข้มงวดท่ามกลางปัญหาการถูกกดขี่โดยนายจ้างและการเสียเปรียบแรงงานในท้องที่ ซึ่งการปฎิรูปจะคลายความเข้มงวดในทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ และทักษะต่างๆที่จำเป็น รวมไปถึงมีความคล่องตัวมากขึ้นในกระบวนการนายจ้างผู้รับรองและการอนุมัติ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอสอเตรเลียให้สัมภาษณ์ว่า แรงงานต่างด้าวที่ต้องการทำงานในออสเตรเลียไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามปัญหาวีซ่า 457 ยังเป็นสิ่งที่แรงงานท้องถิ่นในออสเตรเลียไม่พอใจเนื่องจากเห็นว่าเป็นการส่งเสริมให้เข้ามาแย่งตลาดงานในประเทศ
อย่างไรก็ตามแอ็บบอตต์ไม่ได้ระบุถึงอุตสาหกรรมประเภทใดที่จะได้รับประโยชน์จากการคลายกฏวีซ่าทักษะอาชีพ(SC457) แต่ย้ำว่า นี่ใช้ต้องการใช้แรงงานต่างด้าวเพื่อมาแย่งงานแรงงานชาวออสเตรเลีย
จากเว็บไซต์ aboutaussie.com พบว่า ตามสถิติในเดือนเมษายน 2013 ประเทศที่ได้วีซ่าอาชีพนี้มากที่สุดคือ อินเดีย สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีผู้ได้รับการอนุมัติวีซ่าราว 5,000- 6,000 คน และสาขาที่ได้รับการอนุมัติวีซ่า 457 มากที่สุดได้แก่ อาชีพก่อสร้าง อาชีพผู้ให้บริการด้านการแพทย์ ผู้ให้บริการสังคม และงานในเหมือง ตามลำดับ