xs
xsm
sm
md
lg

In Pics : ม่ายขาวผู้ดีโผล่ !! แอบฝึก “มือระเบิดฆ่าตัวตายหญิง” ให้กลุ่ม ISในซีเรีย – สดภาคสนาม “สหรัฐฯ”ทิ้งบอมบ์ใกล้พรมแดนตุรกีครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - “ม่ายขาว” หรือซาแมนธา ลิวธ์เวท (Samantha Lewthwaite) วัย 30 ปี จากบังกิงแฮมเชียร์  ภรรยาม่ายของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ก่อเหตุถล่มกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 ที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายห้างสรรพสินค้าเวสต์เกต ในกรุงไนโรบีของเคนยา ตัวประกันกว่า 70 คนถูกสังหาร ล่าสุด  สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(28)ว่า พบร่องรอยของ “ม่ายขาว” ในซีเรียร่วมกับกลุ่ม IS ในซีเรีย ฝึกนักรบญิฮัดหญิงให้เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย และสอนให้กลุ่มก่อการร้ายแพร่ข่าวปลุกระดมผ่านสื่อตะวันตก และมีภาพจากเครื่องบินรบสหรัฐฯโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรียใกล้พรมแดนตุรกีครั้งแรก

สื่ออังกฤษ Daily Star Sunday สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(28)ว่า หลังจาก“ม่ายขาว” หรือซาแมนธา ลิวธ์เวท (Samantha Lewthwaite) วัย 30 ปีใช้เวลา 2 ปี ครึ่งในการหลบหนีคดีอยู่เบื้องหลังก่อการร้ายทั่วเคนยาในปี 2011 ล่าสุดพบว่า ม่ายขาวพัวพันกลุ่มIS ในซีเรีย โดยแหล่งข่าวได้เปิดเผยกับ Daily Star Sunday ว่าลิวธ์เวทถือว่า “เป็นคนสำคัญ” และเสริมว่า “มีการกล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานกับนักรบญิฮัด และสามีของเธอได้สละชีพเพื่ออุดมการณ์ก่อการร้ายของกลุ่ม โดยผู้หญิงคนนี้เข้าร่วมกับ IS และมีการอ้างอิงถึงการโจมตีในแอฟริกา”

และแหล่งข่าวยังเผยต่อว่า “กลุ่ม IS มีนักรบจำนวนมากมาย แต่ทว่าขาดคนที่จะช่วยสอนการใช้ประโยชน์จากสื่อตะวันตกอย่างมีประสิทธิภาพ และนี่เป็นจุดแข็งของเธอ” ทั้งนี้ม่ายขาวเป็นเสมือนJoseph Goebbels ของกองทัพนาซีผู้ซึ่งรับผิดชอบการผลิตข่าวปลุกระดมชวนเชื่อให้กับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในภาคสตรี

ทั้งนี้ลิวธ์เวทเปลี่ยนมานับถือศาสนอิสลามเมื่อเธอมีอายุได้ 17 ปี และถูกชี้เป็นตัวการสำคัญในการจัดหาคนให้กับเครือข่ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกาตะวันออก และยังเป็นโฆษกอย่างเป็นทางการให้กับอัลเชบับ ที่ก่อเหตุยึดห้างสรรพสินค้าเวสต์เกต ในกรุงไนโรบีของเคนยา และสังหารตัวประกันกว่า 70 คนในปีที่ผ่านมา ลิวธ์เวทยังถูกเคนยาตามจับในฐานะมีระเบิดไว้ในครอบครอง และวางแผนก่อการร้ายในเดือนธันวาคม 2011 และพบว่าเธอใช้พาสปอร์ตของแอฟริกาใต้ภายใต้ชื่อปลอมหลบหนีเจ้าหน้าที่เคนยาจากมอมบาซา(Mombasa )ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

ลิวธ์เวทเป็นอดีตภรรยาของเจอร์เมน ลินด์เซย์ (Jermaine Lindsay ) 1 ใน 4 ของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่จุดระเบิดตัวเองเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในอังกฤษอีก 26 คนใกล้กับสถานีรถไฟคิงส์ครอสในกรุงลอนดอน ปี 2005

นอกจากนี้ มีรายงานว่า IS ในซีเรียติดพรมแดนตุรกีถูกโจมตีโดยสหรัฐฯเป็นครั้งแรก สื่ออังกฤษ เดลิเมลรายงานถึงภาพการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯที่เมืองโคบานี (Kobani)ซึ่งเป็นฐานของชาวเคิร์ดในซีเรีย ไม่ห่างจากพรมแดนตุรกี หกลังจากการที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มIS เข้ารุกรานชาวเคิร์ดที่อาศัยในเมืองนี้ ส่งผลให้มีผู้อพยพร่วม 100,000  คนหนีทะลักข้ามพรมแดนไปยังตุรกี

นาวาฟ คาลิล (Nawaf Khalil) โฆษกพรรคสหประชาธิปไตยเคิร์ดแห่งชาติซีเรีย หรือ PYD แถลงว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯมีเป้าหมายไปที่ IS ใกล้เมืองโคบานี หรือที่รู้จักในนาม Ayn Arab และสามารถทำลายรถถัง 2 คัน และภายหลังกลุ่ม IS ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง การปะทะส่งผลให้มีพลเมืองจำนวนหนึ่งเสียชีวิต

และซันเดย์มิเรอร์รายงานเมื่อวานนี้(28)ว่า หน่วย MI6 ของอังกฤษได้พูดคุยกับรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในการโจมตี IS ในซีเรีย

โดยพบผู้อำนวยการ MI6ได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงต่างประเทศซีเรียในกรุงดามัสกัส แต่ทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ต่างยืนยันว่า อังกฤษไม่เจรจากับดามัสกัส

ทั้งนี้แหล่งข่าวได้เปิดเผยกับซันเดย์มิเรอร์ว่า “บางทีอาจไม่ใช่การพบกันตัวต่อตัวกับอัสซาด ผู้นำซีเรีย แต่เบื้องหลังการเจรจาทางการทูตเป็นธรรมดาที่จะพบกับตัวแทนระดับสูงของเขา มันเป็นเรื่องผิดปกติที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษจะไม่พูดคุยกับคนของอัสซาดเลย ซึ่งการเจรจาเกิดขึ้นในซีเรียหารือถึงผลประโยชน์ทางความมั่นคงที่ประเมินค่าไม่ได้ของอังกฤษ”

กลุ่มสิทธิมนุษยชนซีเรีย  Syrian Observatory for Human Rights ที่มีฐานในอังกฤษเปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศล่าสุดใกล้เมืองโคบานีมีขึ้นหลังจากเกิดการปะทะระหว่าง IS และกองกำลังเคิร์ด People's Protection Units หรือ YPK และทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนรายงานเพิ่มเติมในวันเสาร์(27)ว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นการโจมตีทางอากาศมีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้ว 13 คน

มาจิด โกราน (Majid Goran) นักรบเคิร์ดในเมืองโคบานีให้สัมภาษณ์กับเอพีทางโทรศัพท์ว่า มีระเบิด 2 ลูกตกลงใกล้กับหมู่บ้านอาลี ชาร์(Ali Shar) แต่ไม่มีสิ่งใดได้รับความเสียหาย

ส่วนโดแกน สื่อตุรกีรายงานเหตุการณ์ว่า มีเสียงดังจากการสู้รบนั้นไกลไปถึงหมู่บ้านคารากา(Karaca )ที่ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนตุรกีติดซีเรีย และกองกำลังYPK สามารถยึดที่มั่นคืนจาก IS ที่เสียไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้ได้ และนักรบเคิร์ดที่บาดเจ็บหลายสิบคนหลบเข้ามารักษาตัวในตุรกี

นอกจากนี้ อิซเม็ต ชีค ฮาซัน (Ismet Sheikh Hasan) นักรบเคิร์ดอีกคนได้กล่าวว่า กองทัพตุรกีได้ข่มขู่จะตอบโต้หลังจากปักหลักป้องกันเขตแดนตุรกี และยิงเข้าไปในบริเวณอาลี ชาร์ ซึ่งการกระทำของกองทัพตุรกีทำให้กองกำลังเคิร์ดตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และฮาซันยังเปิดเผยว่า มีคนร่วม 20 คนเสียชีวิต รวมถึงนักรบเคิร์ดและคนในท้องที่ และมีอีก 50 คนได้รับบาดเจ็บ

เดลิเมลรายงานว่า การสู้รบที่โคบานีถือเป็นอีกครั้งหนึ่งทำให้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุเมื่อ 3 ปีมาแล้ว

กลุ่มสิทธิมนุษยชนซีเรียยังรายงานเพิ่มเติมว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรที่จังหวัดฮอมส์ ( Homs ) รวมไปถึงรักกา (Raqqa) และ อเลปโป(Aleppo) พบว่ามีการได้ยินเสียงระเบิดถึง 31 ครั้งเกิดขึ้นในรักกา

และกลุ่มเอ็นจีโอ Local Coordination Committees หรือ LCC รายงานการโจมตีทางตะวันออกของซีเรียว่า มีการโจมตีทางอากาศที่ Deir el-Zour และรักกา และรายงานเสริมว่า ทางสหรัฐฯและพันธมิตรล็ฮกเป้าโจมตียุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกทางตะวันตกของDeir el-Zour

แต่แม็กซ์ บลูเมนฟิลด์ (Max Blumenfeld )โฆษกกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ(U.S. Central Command) แถลงโต้ว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯไม่ได้มุ่งโจมตีแหล่งอาหาร หรือสิ่งอื่นใดที่สามารถใช้เพื่อประโยชน์พลเรือน แต่หากเพนตากอนยังไม่ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายจากเครื่องบินรบ บลูเมนฟิลด์ยังไม่ปัดความเป็นไปได้ที่ยุ้งฉางข้าวเปลือกอาจตกเป็นเป้าโจมตี “การโจมตีสหรัฐฯมีเป้าหมายไปที่สถานที่หรือสิ่งปลูกสร้างที่กลุ่มติดอาวุธใช้ประโยชน์” บลูเมนฟิลด์กล่าว
(ล่าง)ภาพ“ม่ายขาว” หรือซาแมนธา ลิวธ์เวท  (Samantha Lewthwaite) วัย 30 ปี จากหนังสือเดินทางแอฟริกาใต้โดยใช้ชื่อปลอม
ภาพการโจมตีทางอากาศในเมืองโคบานีติดพรมแดนตุรกีของสหรัฐฯในช่วงสุดสัปดาห์ล่าสุด
เครื่องบินรบของกองทัพอากาศอังกฤษ RAF ในอิรักทางตอนเหนือ
เครื่องบินรบของกองทัพอากาศอังกฤษ RAF ในอิรักทางตอนเหนือ
กองกำลังเคิร์ดในซีเรีย

อาสาสมัครกำลังช่วยพลเมืองซีเรียหลังจากมีการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น