เอเจนซีส์ - กลุ่มสิทธิมนุษยชนสังเกตการณ์ซีเรีย หรือ Syrian Observatory for Human Rights เผยว่า ล่าสุดนักรบญิฮัด IS สามารถทำข้อตกลงพักรบชั่วคราวกับกลุ่มกบฏซีเรีย FSA สายกลางนอกกรุงดามัสกัสสำเร็จ
สื่ออังกฤษรายงานวันเสาร์ (13 ก.ย.) ว่า กลุ่มนักรบญิฮัด IS ยอมเจรจาสงบศึกชั่วคราวกับกลุ่มกลุ่มกบฏซีเรีย FSA สายกลาง และมีตัวกลางรวมอยู่ด้วยที่เมืองฮาจาร์ อัล-อัสวาด (Hajar al-Aswad) ทางใต้ของกรุงดามัสกัส ซีเรีย โดยภายใต้ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับสัญญาการหยุดยิงชั่วคราวจนกว่าจะมีข้อสรุปสุดท้ายร่วมกันออกมา และสัญญาที่จะไม่โจมตีซึ่งกันและกันเพราะทั้ง IS และกบฏซีเรีย FSA ต่างตระหนักว่าศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคือ “รัฐบาลซีเรีย (Nussayri regime)” หรือที่รู้จักว่าเป็นพวกนิกายอะลาวิด (Alawite) ซึ่งคนในนิกายนี้ส่วนใหญ่พำนักอาศัยอยู่ในซีเรีย โดยที่มีจำนวนเท่ากับประมาณ 11-12% ของประชากรซีเรียทั้งประเทศ แนวคิดความเชื่อของกลุ่มนี้มักถูกจัดให้เป็นแนวคิดแบบมุสลิมนิกายชิอะห์ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ตลอดจนบุคคลวงในซึ่งกุมอำนาจในซีเรีย เป็นพวกอะลาวิต ขณะที่ประชาชนราว 74% ของประเทศเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่
แต่เริ่มแรกนั้นกลุ่ม FSA ตอบรับ IS เข้าร่วมสู้รบต่อต้านรัฐบาลซีเรีย แต่ทาง IS กลับเดินหน้าประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามที่มีคอลิฟะห์เป็นผู้นำพร้อมเข้ายึดพื้นที่เป็นจำนวนมากทำให้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายขัดแย้งกับ FSA ในเดือนมกราคมต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น FSA ร่วมกันขับ IS ออกนอกพื้นที่ทางเหนือส่วนใหญ่ของซีเรียได้สำเร็จ แต่ทว่าเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ทาง IS สามารถรุกกลับตรงเข้ายึดพื้นที่กลับคืนมาได้ส่วนใหญ่ และมีฐานที่มั่นสำคัญในฮาจาร์ อัล-อัสวาด (Hajar al-Aswad)
กลุ่มสิทธิมนุษยชนสังเกตการณ์ซีเรีย หรือ Syrian Observatory for Human Rights เผยว่า รายได้เงินทุนของ IS มาจากการขายน้ำมันเถื่อนในตลาดมืด และสามารถทำกำไรได้มากหลังจากราคาน้ำมันพุ่งสูงจากการที่วิศกรประจำบ่อน้ำมันในเขตอิทธิพลของ IS ทั้งในอิรักและซีเรียต่างหลบหนีออกไป สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่าIS ครอบครองบ่อน้ำมันในซาซาน (Sasan) อาจิล(Ajeel) ซาดิด (Sadid) ในอิรัก และโอมาร์ (Omar) ในซีเรีย นอกจากนี้ กลุ่ม IS ยังสามารถเข้ายึดโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ไว้ได้ เช่น ฟัลลูจาห์ (Fallujah) อัคคาส (Aksas) และติกริต (Tikrit)
ในขณะเดียวกัน มีข่าวลืออ้างว่ากลุ่ม IS สามารถหาประโยชน์จากการขายน้ำมันในตลาดมืดหลังจากที่คนงานต่างหลบหนีไปก่อนหน้านี้ซึ่งมีบางส่วนยังคงอยู่หลังจาก IS ประกาศมอบเงินอัดฉีดเพิ่ม หรือมิเช่นนั้นจะโดนสังหาร และทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่ากลุ่มติดอาวุธสุหนี่สามารถทำเงินได้ถึง 3 ล้านดอลลาร์ต่อวันในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาจากบ่อน้ำมันที่พวกเขาเข้ายึด
นอกจากนี้ ไทม์สยังรายงานว่า การถดถอยไม่เป็นท่าของ IS เมื่อเร็วๆ นี้ส่งผลกระทบต่อการหดตัวด้านรายได้ครั้งใหญ่ของกลุ่ม และอาจมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากแผนการที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะลงมือโจมตีทางอากาศในพื้นที่ของ IS ทั้งในซีเรีย และอิรัก โดยไทมส์ได้อ้างคำพูดของไมเคิล สตีเฟน (Michael Stephen) ผู้เชี่ยวชาญจาก Royal United Services Institute ที่เป็นธิงแทงก์ว่า “พบว่ารายได้ของกลุ่มก่อการร้ายลดลงต่ำกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อวันในขณะนี้ ผมเห็นว่า IS มีรายได้ลดลงจากบ่อน้ำมันดิบที่ยึดมาได้ แต่การผลิตในซีเรียยังคงที่ แต่เชื่อว่าในขณะนี้ IS กำลังลำบาก”
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่ม IS ได้เริ่มปล้นสะดมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2012 และมีการตั้งรัฐมนตรีน้ำมันประจำกลุ่มเพื่อจะจัดการจำหน่ายสู่ตลาดมืด หลังจากที่มีปฎิบัติการณ์ปล้นรถบรรทุกน้ำมันถึง 200 คันในอิรัก
และเป็นที่เชื่อกันว่า IS ดูดน้ำมันออกมาจากหลุมร่วม 80,000 บาร์เรลต่อวันในบ่อน้ำมันทั้งหมดที่ทางกลุ่มเข้ายึดครอง แต่จำนวนการผลิตลดลงกว่าครึ่งใน 2 เดือนล่าสุด ทั้งนี้สื่อไทม์สยังระบุว่า IS สามารถขายได้ 25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยใช้เครือข่ายขนสินค้าหลบหนีภาษีเป็นช่องทางการขนส่งข้ามพรมแดน