xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำสหรัฐฯ ร่วมประชุมกับนายทหารระดับสูง ถกแผนถล่มกลุ่มรัฐอิสลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โอบามา ถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาทหาร เมื่อไปถึงฐานทัพอากาศแม็คดิล
เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา พูดคุยกับนายทหารระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ ในวันนี้ (17 ก.ย.) เกี่ยวกับแผนการเข้าโจมตีกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง 2 วันเพื่อไขวิกฤติระดับชาติเกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบลาและเหล่านักรบญิฮัด

โอบามา จะนั่งร่วมโต๊ะพูดคุยกับพลเอก ลอยด์ ออสติน ผู้บัญชาการ กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (Centcom) ที่ฐานทัพในฟลอริดา เพื่อประเมินถึงยุทธวิธีที่จะใช้ในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม ตามที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ก่อนหน้านี้เครื่องบินรบของสหรัฐฯ ปฏิบัติหน้าที่ในอิรักได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ทางโอบามาสั่งขยายขอบเขตการโจมตีเหล่ามุสลิมนิกายสุหนี่หัวรุนแรงในอิรัก โดยมีการถล่มเข้าใส่พื้นที่รอบนอกของกรุงแบกแดดเมื่อคืนวันจันทร์ (15 ก.ย.)

ขณะเดียวกันการตัดสินใจของโอบามาก็ผ่านการเห็นชอบของบรรดานักการเมืองจากพรรครีพับลิกันในวันอังคาร (16 ก.ย.) เมื่อบรรดาแกนนำของพรรคทั้งในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ต่างก็หนุนหลังผู้นำสหรัฐฯ แต่ก็ยังมีบางรายที่ยังบ่นว่าดำเนินการล่าช้าไป เนื่องจากที่ผ่านมาโอบามาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามในตะวันออกกลางขึ้นอีกครั้ง

จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า โอบามาถูกขอให้ไปเยือนฐานทัพอากาศแม็คดิล ซึ่งเป็นศูนย์บัญการใหญ่ของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ หลังจากที่กล่าวปราศรัยถึงยุทธวิธีใหม่ในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสไปเมื่อวันที่ 10 กันยายน

"ท่านประธานาธิบดีเตรียมจะพูดคุยกับผู้นำทหารเกี่ยวกับแผนการขับเคลื่อนแนวร่วมพันธมิตรนานาชาติ เพื่อบั่นทอนและทำลายล้างกลุ่มไอเอส" เออร์เนสต์ กล่าว

ในการเดินทางไปยังฐานทัพดังกล่าว โอบามายังจะได้พบกับบรรดาตัวแทนอาวุโสจากหลายชาติในเอเชียใต้ เอเชียกลางและตะวันออกกลาง ที่มาร่วมประชุมปฏิบัติการทางทหารที่กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ

"บรรดาประเทศเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญของแนวร่วมพันธมิตรนานาชาติ ที่ท่านประธานาธิบดีจะนำขบวนในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส" เออร์เนสต์ กล่าว
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว
โอบามากำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าแนวร่วมพันธมิตรที่ประกอบด้วยหลายชาติจากยุโรปและตะวันออกกลาง นั้นมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะใช้กำลังเข้าต่อสู้ ไม่ได้เป็นแค่การลั่นกลองรบตามอำเภอใจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

เจ้าหน้าที่หลายคนระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะดำเนินการด้านการทูตที่เข้มแข็งมากขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกลุ่มแนวร่วมถล่มรัฐอิสลาม เมื่อเขาเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์ก

ขณะที่ทำเนียบขาวต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับยุทธวิธีในการต่อต้านกลุ่มไอเอสเมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) หลังจากที่นายทหารระดับสูงอย่าง พลเอก มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐอเมริกา ออกมาระบุว่า บรรดาทหารที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ควรจะร่วมรบเคียงข้างกับกองทัพอิรัก

ความเห็นดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับคำพูดของผู้นำสหรัฐฯ ที่บอกว่าจะไม่เพิ่มกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปในอิรัก หลังจากที่ได้ทำตามสัญญาเรื่องการถอนกำลังทหารกลับคืนสู่บ้านเกิด

เออร์เนสต์พยายามจะพลิกแพลงสถานการณ์ ด้วยการบอกว่าเดมป์ซีย์แค่สมมุติเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และความเห็นของเขาเป็นเพียงแค่การเสนอแนะกลยุทธเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารก็ยังได้รับการรับรองจากสมาชิกสภาผู้แทนฯ ในเรื่องการสนับสนุนอาวุธและฝึกฝนพวกกบฏซีเรีย เพื่อให้พวกเขาสู้รบกับกลุ่มไอเอส เมื่อทางสหรัฐฯ ใช้การโจมตีทางอากาศในประเทศดังกล่าว

จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนฯ จากพรรครีพับลิกัน ระบุในวันอังคาร (16 ก.ย.) ว่าเขาเชื่อมั่นในยุทธวิธีของผู้นำสหรัฐฯ

"ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธสิ่งที่ท่านประธานาธิบดีขอให้พวกเราทำ" เขากล่าว

ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนที่ยังข้องใจกับการตัดสินใจที่ล่าช้าอยู่ อย่างเช่น วุฒิสมาชิก จอห์น ทูน จากพรรครีพับลิกัน ที่บอกว่า ยุทธวิธีของผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ เพราะชาวอเมริกันรู้ก่อนผู้นำเสียอีกว่าควรจะทำอย่างไร แต่อย่างน้อยประธานาธิบดีก็คิดได้ในท้ายที่สุด ถึงสิ่งที่น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสม นั่นคือการฝึกฝนและติดอาวุธให้กบฏซีเรีย
กำลังโหลดความคิดเห็น