xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มติดอาวุธลิเบียยอมปล่อยตัวประกันเซอร์เบียเป็นอิสระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - ลูกจ้างชาวเซอร์เบียของบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งหนึ่งที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากพื้นที่ห่างไกลในลิเบียได้รับการปล่อยตัวแล้วในวันพุธ (27 เม.ย.) ทั้งนี้ เป็นการยืนยันจากกระทรวงต่างประเทศของเซอร์เบีย

มิโรสลาฟ โตมิช วัย 46 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทสัญชาติเยอรมันอย่าง “แฟร์โรชตาล” ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ (24) ที่ผ่านมา โดยคำแถลงของสถานทูตเอกอัครราชทูตเซอร์เบียในกรุงตริโปลีของลิเบียระบุ โตมิชปลอดภัยดีและจะกลับไปทำงานตามปกติในวันพฤหัสบดี (28)

ก่อนหน้านี้ สื่อเซอร์เบียรายงานว่า โตมิชถูกลักพาตัวไปขณะเดินทางไปตรวจบ่อน้ำมันในพื้นที่ห่างไกลในลิเบีย ไม่ไกลจากพรมแดนอียิปต์

ทั้งนี้ ลิเบียซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในดินแดนที่มั่งคั่งที่สุดในทวีปแอฟริกา มีอันต้องถลำเข้าสู่ยุคแห่งความขัดแย้งและความไร้ขื่อแป หลังจากที่ระบอบการปกครองของโมอาเมอร์ กัดดาฟีถูกโค่นล้มเมื่อปี 2011 ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางให้พวกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่มีแนวคิดสุดโต่งหลายกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มไอเอส ได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าแทนที่

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหราชอาณาจักรอาจพิจารณาส่งกำลังทหารราว 1,000 นายเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนานาชาติในลิเบียที่คาดว่าจะมีกำลังพลจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมราว 6,000 นาย โดยในจดหมายซึ่งส่งตรงถึงฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรนั้น ทางคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันถึงแผนการส่งกำลังทหารภาคพื้นดินราว 1,000 นายเข้าร่วมกับกองกำลังนานาชาติที่จะมีการจัดตั้งขึ้นในลิเบียในอนาคตอันใกล้นี้

รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวในประเด็นนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่แฮมมอนด์เดินทางเยือนอียิปต์และตูนิเซียเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ และทางคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองผู้ดีนำเสนอเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา

ที่ผ่านมาบรรดาประเทศในโลกตะวันตกต่างเห็นพ้องกันว่าต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อขุดรากถอนโคนกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในลิเบีย แต่บรรดาชาติมหาอำนาจต่างต้องการให้รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของลิเบียเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะดำเนินมาตรการแทรกแซงทางทหารใดๆ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการเมืองผู้ดีในการพิจารณาส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังลิเบีย มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร ออกมาเปิดเผย โดยระบุว่ารัฐบาลเมืองผู้ดีจะส่งกำลังทหารของตนไปยังอิรักเพิ่มเติมเพื่อปฏิบัติภารกิจในการฝึกกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลแบกแดด ให้มีขีดความสามารถมากพอที่จะรับมือต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)

ไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักรระบุ รัฐบาลลอนดอนภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ตัดสินใจส่งกำลังทหารไปยังอิรักเพิ่มเติมอีก 30 นาย เพื่อจัดการฝึกทางด้านยุทธศาสตร์ให้แก่กองทัพอิรัก ทั้งด้านการสู้รบ การแพทย์ รวมถึงการฝึกอบรมด้านลอจิสติกส์ และการสร้าง “สะพาน”

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหราชอาณาจักรจะส่งผลให้จำนวนของกำลังพลจากกองทัพเมืองผู้ดีในอิรัก จะเพิ่มจำนวนเป็น 300 นาย ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

“นี่คือช่วงเวลาที่เราจะต้องยกระดับการฝึกกองกำลังของอิรัก สำหรับเตรียมพร้อมเปิดปฏิบัติการทางทหารในหลายเมืองสำคัญ อย่างเช่น ฟัลลูจาห์ และโมซุล ซึ่งการตัดสินใจล่าสุดนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งของสหราชอาณาจักรในการร่วมต่อกรต่อกลุ่มรัฐอิสลาม” รัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษกล่าว

ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การประกาศเพิ่มกำลังพลในอิรักของรัฐบาลอังกฤษล่าสุดนี้ อาจเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าสถานการณ์ด้านความมั่นคงในอิรักเวลานี้กำลังอยู่ในจุดที่รัฐบาลแบกแดดเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกลุ่มไอเอส โดยเฉพาะเป้าหมายของรัฐบาลอิรักในการยึดคืนเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอย่างโมซุล ที่ตกอยู่ใต้การยึดครองของกลุ่มรัฐอิสลามมายาวนาน


กำลังโหลดความคิดเห็น