เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย “จูลี บิชอป” ออกมาระบุในวันนี้ (23 ก.ย.) ว่าทางการออสซีได้เตรียมการรับมืออย่างจริงจัง สำหรับคำขู่ของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ได้พยายามปลุกระดมให้ชาวมุสลิมสังหารพลเมืองแดนจิงโจ้แบบไม่เลือกหน้า
เมื่อวันจันทร์ (22 ก.ย.) กลุ่มไอเอสได้ออกคำแถลงปลุกระดมให้ชาวมุสลิมสังหารพลเมืองของทุกประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวร่วมพันธมิตรนานาชาติ ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งออสเตรเลียเป็นหนึ่งในชาติที่ถูกกล่าวถึง ร่วมกับอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มนักรบแอลจีเรียที่มีความเชื่อมโยงกับไอเอส ก็อ้างว่าได้ทำการลักพาตัวชาวฝรั่งเศสรายหนึ่งเอาไว้ พร้อมทั้งขู่ว่าจะสังหารเขาภายใน 24 ชั่วโมง หากฝรั่งเศสไม่ยอมหยุดการโจมตีทางอากาศในอิรัก
บิชอป บอกกับสถานีวิทยุแห่งชาติว่าออสเตรเลียตกเป็นเป้าอย่างชัดเจน เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่อเมริกาและพันธมิตรชาติอาหรับจะทำการทิ้งระเบิดและใช้ขีปนาวุธร่อน “โทมาฮอว์ก” โจมตีกลุ่มไอเอสในภาคตะวันออกของซีเรีย
“หน่วยงานของเรากำลังเตรียมรับมือกับคำขู่นี้อย่างจริงจัง มันค่อนข้างเห็นได้ชัดเลยว่ากลุ่มรัฐอิสลามพร้อมที่จะโจมตีทุกคนที่มีทัศนคติไม่ตรงกับพวกเขา เราถูกขู่ฆ่า ไม่ใช่เพราะว่าเราเตรียมจะสู้รบกับพวกเขา แต่เพราะเราเป็นเรานี่ล่ะ” เธอกล่าว
“พวกเขาสังหารชีอะห์ สุหนี่ เคิร์ด คริสเตียน สังหารเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือผู้คน รวมถึงนักข่าว ไม่มีใครปลอดภัยเมื่อพวกเขาปรากฏตัว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับบรรดาชาติต่างๆ เพื่อจำกัดวง บั่นทอนกำลังและทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซาก” บิชอปกล่าวขณะที่กำลังจะเข้าร่วมการประชุมของสหประชาชาติ
การปลุกระดมที่เขย่าขวัญบรรดาชาติสมาชิกของแนวร่วมถล่มไอเอส ถูกปล่อยออกมาได้ไม่กี่วัน หลังจากที่ออสเตรเลียใช้ปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้ายในซิดนีย์และบริสเบน เพื่อสกัดแผนลักพาตัวและฆ่าตัดคอพลเรือนแดนจิงโจ้ของกลุ่มรัฐอิสลาม
ด้านนายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ ได้บอกกับรัฐสภาในวันนี้ (23 ก.ย.) ว่าชาวออสเตรเลียไม่ควรที่จะหวั่นวิตกต่อการปลุกระดมข่มขู่ครั้งล่าสุดนี้
“ทุกสิ่งที่เราทำทั้งในและนอกประเทศล้วนทำเพื่อต่อต้านผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ต่อต้านศาสนา และผมขอให้ชาวออสเตรเลียใช้ชีวิตตามปกติต่อไป เพราะเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายคือไม่ต้องการให้เราได้เป็นอย่างที่เคยเป็น” เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียได้จัดส่งทหาร 600 นายเข้าไปในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อร่วมหนุนแนวร่วมพันธมิตรนานาชาติ ในการกวาดล้างเหล่านักรบญิฮัด ทั้งยังมีการส่งเครื่องบินรบ เอฟ/เอ 18 จำนวน 8 ลำ เข้าไปพร้อมกันด้วย
ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย “เดวิด จอห์นสัน” ได้ระบุเมื่อคืนวันจันทร์ (22 ก.ย.) ขณะที่อยู่ในกรุงแบกแดดว่า เครื่องบินเหล่านี้จะมีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของแนวร่วมถล่มไอเอสด้วย
ที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีส่วนร่วมแค่ในปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้การสนับสนุนชาวอิรักที่ถูกปิดล้อม โดยที่ไม่มีการส่งกำลังทหารภาคพื้นดิน
ขณะเดียวกัน บิชอปก็ระบุว่า เธอได้จัดประชุมกับบรรดาชาติสันนิบาตอาหรับ ซึ่งชาติเหล่านั้นก็พร้อมจะให้การสนับสนุนอิรักในการต่อสู้กับเหล่านักรบญิฮัด
“หลายชาติต่างประณามกลุ่มรัฐอิสลามและมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามครั้งนี้ ไม่ให้แพร่ขยายออกนอกตะวันออกกลาง ซึ่งแน่นอนว่าจะร่วมกันจำกัดวงและทำลายล้างกลุ่มไอเอสทั้งในอิรัก และซีเรีย” เธอกล่าว
รัฐบาลออสเตรเลียเชื่อว่า อาจมีชาวออสซีมากถึง 60 คนที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่านักรบญิฮัดไอเอส ขณะที่ยังมีอีกประมาณ 100 คนที่คอยสนับสนุนการเคลื่อนไหวอยู่ที่บ้าน ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่าคนเหล่านี้อาจจะกลับออสเตรเลียเพื่อดำเนินการโจมตี นำไปสู่การใช้กฏหมายต่อต้านก่อการร้ายที่เข้มงวดขึ้น
“ผมอยากจะพูดให้เข้าใจกันอย่างชัดเจนอีกครั้ง ว่าการไปร่วมต่อสู้เคียงข้างกับพวกก่อการร้าย ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงตามกฎหมายของออสเตรเลีย” แอ็บบอตต์ บอกต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันอังคาร (23 ก.ย.)
“ถ้าคุณต่อสู้เคียงข้างกับพวกกลุ่มผู้ก่อการร้าย แล้วคุณพยายามจะหาทางกลับเข้าประเทศนี้ คุณจะถูกจับกุม ตราบเท่าที่รัฐบาลยังมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ คุณจะถูกดำเนินคดีและจะต้องต้องติดคุกเป็นเวลานานมากๆ อย่างแน่นอน” เขากล่าว