เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลการศึกษาล่าสุดชี้ รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของบารัค โอบามา ผลาญเงินภาษีประชาชนอเมริกันไปแล้วเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ กับการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มนักรบญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย
ผลการศึกษาล่าสุดโดยสำนักวิจัย “The Center for Strategic and Budgetary Assessments” ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า รัฐบาลบารัค โอบามาได้ใช้เงินภาษีของคนอเมริกันไปแล้วระหว่าง 780-930 ล้านดอลลาร์ (หรือราว 25,315 – 30,180 ล้านบาท) สำหรับปฏิบัติการทางทหารในการโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสในอิรักและซีเรียที่เปิดฉากขึ้นตั้งแต่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ผลการศึกษาขององค์กรซีเอสบีเอที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุดระบุว่า หากระดับความเข้มข้นของปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯต่อกลุ่มไอเอสยังคงดำเนินต่อไปเช่นในขณะนี้ คาดว่าสหรัฐฯอาจต้องสูญงบประมาณเพิ่มเติมระหว่าง 200-320 ล้านดอลลาร์ (ราว 6,480 – 10,370 ล้านบาท) ต่อเดือน
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาพบว่า หากรัฐบาลบารัค โอบามาตัดสินใจเพิ่มระดับความเข้มข้นของการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอส รวมถึงมีการส่งกำลังทหารภาคพื้นดินจำนวน 5,000 คน เข้าร่วมการกวาดล้างพวกนักรบญิฮัดอย่างเต็มรูปแบบ อาจส่งผลให้สหรัฐฯต้องเสียงบประมาณสูงถึง 350-570 ล้านดอลลาร์ (ราว 11,345 - 18,480 ล้านบาท) ต่อเดือน
ผลการศึกษาดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาหลังจากที่รัฐบาลโอบามาเริ่มยกระดับเพิ่มการสนับสนุนด้านการทหาร ต่อกองทัพอิรักและกองกำลังของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดอย่างสำคัญนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการสู้รบกับนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ “ไอเอส” ก่อนที่โอบามาจะตัดสินใจเปิดการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสในซีเรียเมื่อ 23 กันยายน
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาขององค์กรซีเอสบีเอสวนทางกับข้อมูลจากการแถลงของจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อ้างว่า รัฐบาลโอบามาใช้งบประมาณ “ไม่ถึง 10 ล้านดอลลาร์ต่อวัน”สำหรับปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มไอเอส