เอเจนซีส์ - เครื่องบินลำเลียงรุ่น C-130 เฮอร์คิวลิสของกองทัพออสเตรเลียถูกกลุ่ม IS ในอิรักและซีเรียใช้ปืนกล และอาวุธเบายิงที่ทางเหนือของอิรักในขณะที่บินอยู่สูงเหนือพื้นดิน 300 ม.ในขณะกำลังส่งของบรรเทาทุกข์ที่มีทั้งน้ำ อาหาร และเครื่องสุขอนามัยจำนวน 15 ชุดให้กับประชาชนอิรักที่หนีภัยสงครามศาสนาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (1) ว่า เครื่องบินลำเลียงรุ่น C-130 เฮอร์คิวลิสของกองทัพออสเตรเลียถูกกลุ่ม IS ในอิรักและซีเรียใช้ปืนกล และอาวุธเบายิงในขณะที่บินอยู่สูงเหนือพื้นดิน 300 เมตร ยามค่ำคืนที่อไมร์ลี (Amirli) จังหวัดซาลาห์ อัด ดินทางภาคเหนือของอิรัก ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในขณะที่กำลังส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อการยังชีพให้กับชนกลุ่มน้อยอิรักที่หนีภัยจากกลุ่มอิสลามิสต์ แต่ทว่า IS ถูกยิงสวนกลับทันทีจากเครื่องบินรบสหรัฐฯ ที่บินประกบคุ้มกันอยู่
การเปิดเผยถึงเหตุถูกโจมตีนี้มีขึ้นหลังมีการประกาศว่า กองกำลังรบพิเศษออสเตรเลียจะใช้ C-17A โกลบมาสเตอร์ เครื่องบินลำเลียง RAAF ของกองทัพออสเตรเลียขนส่งอาวุธที่รัฐบาลของโทนี แอบบ็อตต์ต้องการช่วยเหลือกองทัพเคิร์ดในการต่อสู้กับกลุ่ม IS และคาดว่าจะสามารถส่งมอบอาวุธชุดแรกได้ภายใน 27 ชม.ที่เออร์บิล เมืองหลวงของเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรัก โดยทางกองกำลังรบพิเศษจะต้องส่งมอบอาวุธเหล่านี้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่กองทัพเคิร์ดแทนที่จะเป็นการหย่อนทางอากาศ มาร์ก บินสกิน (Mark Binskin) ผู้บัญชาการทหารอากาศออสเตรเลียกล่าว
นอกจากนี้ สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า เชื่อว่าหน่วยรบพิเศษ SAS ของอังกฤษจะอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Al Minhad ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจะร่วมอารักขาเที่ยวบินทั้ง C-130J เฮอคิวลิส ของ RAAF และ C-17A โกลบมาสเตอร์ในการขนส่งอาวุธ สำนักข่าวแฟร์แฟกซ์รายงาน “นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับออสเตรเลีย และเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับโลก” แอบบ็อตต์กล่าวในวันอาทิตย์ (31) โดยนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียยืนยันว่า จะไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปรบในอิรัก เหมือนกับที่เดวิด คาเมรอนยืนยันในสิ่งนี้ต่อประชาชนชาวอังกฤษ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาที่เพิ่งเสร็จสิ้นคำปราศรัยในวันแรงงานแห่งชาติในอเมริกาได้เคยให้คำมั่นกับพลเมืองอเมริกาว่าจะไม่มีการส่งทหารกลับไปรบในอิรักถึงแม้โอบามาจะอนุญาตให้เปิดศึกโดยใข้การโจมตีทางอากาศก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บรรดา ส.ว.จากพรรคกรีนของอสเตรเลียไม่เห็นด้วยนโยบายตามก้นสหรัฐฯด้วยการติดอาวุธให้กองทัพเคิร์ด และยิ่งไม่พอใจที่แอบบ็อตต์ไม่ได้นำเรื่องนี้เข้าหารือต่อรัฐสภาออสเตรเลีย เหมือนเช่นโอบามาต้องขอโทษรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯที่ไม่ได้นำเรื่องแลกเปลี่ยนนักโทษกวนตานาโม 5 คนกับชีวิตของสิบเอกโบว์ เบิร์กดาห์ล ทหารสหรัฐฯ ที่ถูกตอลิบานจับเป็นตัวประกัน 5 ปี และเชื่อว่าเขาโดนลักพาตัวเพราะต้องการหนีทหาร
ด้านแอนดริว วิลกี (Andrew Wilkie) สมาชิกรัฐสภาออสเตรเลีย สายอิสระ กล่าวให้สัมภาษณ์ในทัสมาเนียว่า “หากโทนี แอบบ็อตต้องการให้ออสเตรเลียเป็นผู้คอยจัดหาอาวุธให้เคิร์ด ดังนั้นสรุปได้คำเดียวว่าออสเตรเลียได้ก้าวเข้ามาร่วมรบในสงครามครั้งนี้แล้ว” ส่วนคริสตีน มิลน์ (Christine Milne) ผู้นำพรรคกรีนได้สนับสนุนแนวคิดวิลกี โดยต้องการให้แอบบ็อตนำปัญหาอิรักเข้าหารือกับสภาออสเตรเลียในวันจันทร์ (1)
ทั้งนี้ เครื่องบินจาก RAAF จะบินเคียงข้างเครื่องบินจากชาติพันธมิตร เช่น อังกฤษ แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำการต่อต้านกลุ่ม IS
แต่อย่างไรก็ตาม สกอต มอร์ริสัน (Scott Morrison) รัฐมนตรีกระทรวงคนเข้าเมืองออสเตรเลียปฏิเสธที่จะให้ความเห็นข่าวที่ว่า ออสเตรเลียออจถูกสหรัฐฯร้องขอให้ใช้เครื่องบินรบซูเปอร์ ฮอร์เนตส์ (Super Hornets) โจมตีกลุ่ม IS ทางอากาศ “เราจะยังไม่ทำอะไรล่วงหน้า” มอร์ริสันให้สัมภาษณ์กับ Sky News
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (US Central Command) แถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมเป็นต้นมา สหรัฐฯ ใช้การโจมตีอากาศสกัด IS ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 80 ครั้ง
