เอเจนซีส์ - สังคมออสเตรเลียสลด รวมไปถึงปีเตอร์ เนตเติลตัน (Peter Nettleton)ตาของเด็ก แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีโทนี แอบบ็อต ต้องออกโรงประนามคาเลด ชาร์รูฟ (Khaled Shrraouf) ผู้ก่อการร้ายIS สัญชาติออสเตรเลีย หลังพบลูกชายวัยแค่ 7ปีถือศรีษะทหารซีเรียที่ถูกตัดแล้วถ่ายภาพลงทวิตเตอร์ ในขณะที่ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “นี่ลูกชายผม”
หลังจากที่ภาพลูกชายวัย 7 ปีของคาเลด ชาร์รูฟ (Khaled Shrraouf) ผู้ก่อการร้าย IS สัญชาติออสเตรเลียที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในขณะนี้ ถูกถ่ายภาพขณะยืนถือศรีษะทหารซีเรียที่ถูกตัดแล้วในร็อกเกาะห์ ( Raqqa) ทางตอนเหนือของซีเรียลงทวิตเตอร์ และผู้เป็นบิดากล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “นี่คือลูกผม” และอีกภาพแสดงถึงรูปลูกชายทั้งหมด 3 คนของชาร์รูฟแต่งตัวในชุดเครื่องแบบทหาร ทำให้สังคมออสเตรเลีย รวมไปถึงปีเตอร์ เนตเติลตัน (Peter Nettleton)ตาของเด็กชายอายุ 7 ปีในรูปถึงกับต้องกล่าวว่า “เหมือนหัวใจสลายเมื่อเห็นภาพนี้” และแม้กระทั่ง โทนี แอบบ็อต นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียต้องประนามการกระทำนี้
แต่ทว่า โอมาร์ อัล-ชีชานี (Omar al-Shishani) ผู้นำการรบของ IS ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ Radio3AW กล่าวชื่นชมทั้งคาเลด ชาร์รูฟและบุตรชายว่า “เป็นเด็กน่ารัก และเป็นเด็กดีในขณะเดียวกันชาร์รูฟเป็นคนมุ่งมั่น” ซึ่งเรื่องเขย่าขวัญทั่วโลกที่ทำให้ชาร์รูฟต้องถูกประนามเมื่อวานนี้(11)เมื่อพบว่า ชาร์รูฟได้ทวีตภาพบุตรชายอายุราว 7 ปีแต่งตัวเสมือนกำลังท่องเที่ยว ถือศรีษะของทหารซีเรียที่ถูกตัดในสภาพทุลักทุเล
ทั้งนี้โอมาร์ อัล-ชีชานีถือว่าเป็นก่อการร้ายที่รู้จักอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะของกลุ่ม IS ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมากในซีเรียและอิรัก และเข้าใจว่าอัล-ชีชานีเป็นหัวหน้าบัญชาการรบชั้นสูงของกลุ่ม
และในเช้าวันจันทร์(11)มอสตาฟา ชาร์รูฟ (Mostapha Sharrouf)ลุงของเด็กชายวัย 7ปี กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียควรจะลืมภาพที่ทำให้ต้องรู้สึกขุ่นเคือง “เขาไปแล้ว ลืมสียเถอะ เขาลืมพวกคุณไปแล้ว ผมคิดว่าพวกคุณต้องเคยเห็นภาพที่น่าโหดร้ายมากกว่านี่แน่” ชาร์รูฟให้สัมภาษณ์กับซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์
จากรูปพบว่าลูกชายของก่อการร้ายชาวออสซีต้องใช้มือทั้งสองข้างพยายามให้ศรีษะเงยขึ้นขณะโพสต์ท่าถ่ายภาพ ในขณะที่ชาร์รูฟ บิดาได้ถ่ายทวีตภาพนี้ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมพร้อมกับคำอธิบายใต้ภาพว่า “นี่ลูกชายผมเอง”
ด้านปีเตอร์ เนตเติลตัน (Peter Nettleton) ตาของเด็กให้สัมภาษณ์กับ สื่อเดอะออสเตรเลียเมื่อวานนี้(11)ว่า “ผมรู้สึกโกรธมาก และเสียใจเป็นที่สุด” และได้เสริมต่อว่า เขารู้สึกเสียใจต่อบุตรสาว ทารา เนตเติลตัน ภรรยาผิวขาวของคาเลด ชาร์รูฟ และแม่ของเด็กทั้งสาม รวมถึงเด็กวัย 7 ปีที่ถือศรีษะทหารซีเรีย
และวิสซาม ฮัดแดด (Wissam Haddad) เพื่อนของก่อการร้ายหมายเลข 1 ของอสเตรเลียที่ต้องการตัวมากที่สุดในขณะนี้ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรายการเดอะโปรเจกต์ของเนตเวิร์กเทนในคืนวันจันทร์(11)ว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพที่ปรากฏนั้นเป็นบุตรชายของชาร์รูฟหรือไม่ เนื่องจากมีการเซนเซอร์ช่วงตาไว้ “ผมรู้สึกตกใจเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นรอบโลก ไม่ใช่เฉพาะแค่ภาพนี้ แต่นั่นเป็นเขตสงคราม ดังนั้นจึงมีกติกาที่ต่างออกไป มีข้อกำหนดที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ขอตอบความเป็นจริงเกี่ยวกับการต่อสู้รบกับมุสลิมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาว่า ทำให้เราต่างมีภูมิต้านทานที่จะเห็นภาพเช่นนี้ ที่เราได้เห็นมุสลิมจากซิดนีย์ในรูปแบบสถานการณ์เดียวกัน” ฮัดแดดกล่าว และยังเปิดเผยต่อว่า เขาได้รับการติดต่อกับชาร์รูฟ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยผ่านข้อมความสั้นที่ชาร์รูฟได้ส่งมาหา “ผมถามเพื่อนว่า สื่อได้ถามถึงเรื่องนั้น และเขามีอะไรที่จะแถลงบ้าง” ฮัดแดดกล่าว
นอกจากนี้แอบบ็อตได้ประนามว่า ภาพเด็ก 7 ปีถือศรีษะทหารซีเรียแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันป่าเถื่อนของ IS และนี่เป็นความพยายามของกลุ่มก่อการร้ายที่จะสถาปณารัฐก่อการร้ายขึ้นในอิรัก และแอบบ็อตยังประกาศว่า ทางออสเตรเลียจะร่วมกับสหรัฐฯและอังกฤษในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชนกลุ่มน้อยอิรัก ยาซิดิส ที่ติดอยู่บนภูเขาซินจาร์
ด้านปีเตอร์ ลีไฮ (Peter Leahy) อดีตผู้นำกองทัพออสเตรเลียให้ความเห็นผ่าน สื่อออสเตรเลียทูเดย์ว่า สงครามต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคงจะไม่จบง่ายๆ คงยาวนานถึง 100 ปี ซึ่งผู้คนคงจะได้เห็นเด็กประเภทนี้อีกมาก ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร และจะเป็นเช่นไรสำหรับเด็กที่จะเติบโตเป็นคนในยุคถัดไป จะมีเด็กอีกจำนวนมากเท่าไหร่ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความโหดร้าย ดังนั้นต้องมีการให้ความสนใจความเชื่อศาสนาอิสลามแบบสุดโต่งกันให้มากขึ้น เพราะเด็กและผู้หญิงทั่วโลกถูกกระทำและมีการเผยแพร่ภาพเหล่านี้ และทำให้ลูกหลานของชาวออสเตรเลียซึมซับในสิ่งป่าเถือนเหล่านี้ และย้ำว่า “ผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าหนุ่มน้อยวัย 7 ปีคิดอะไร และที่สำคัญไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าพ่อของเด็กคนนี้คิดอะไร” ลีไฮกล่าว
คีย์ซาร์ เทรด (Keysar Trad)ผู้นำชุมชนมุสลิมซิดนีย์ได้กล่าวประนามกลุ่ม IS รวมถึงผู้เข้าร่วมว่าเป็น “โจร” และ “ฆาตกร” และ "ทุกสิ่งไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม" และยังกล่าวเปิดใจต่อทูเดย์ว่า บรรดาผู้นำชุมชนออสเตรเลียต่างประนามรูปภาพของชาร์รูฟและบุตรชายว่าโหดร้ายป่าเถื่อน และทางพวกเขาต่างพยายามหยุดไม่ให้คนรุ่นใหม่ของชุมชนเข้าสู่วงจรความชั่วร้ายของกลุ่มติดอาวุธ เช่น IS
ทั้งนี้เชื่อกันว่า คาเลด ชาร์รูฟเข้าร่วมกับต่อสู้กับ IS ซึ่งชายผู้นี้แต่เดิมเป็นชาวซิดนีย์ และหน่วยงานความมั่นคงออสเตรเลียเชื่อว่า ชาร์รูฟหลบออกจากออสเตรเลียโดยใช้หนังสือเดินทางของพี่ชายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และชาร์รูฟจะถูกจับในฐานะผู้ก่อการร้ายเมื่อเขาเดินทางกลับเข้าออสเตรเลีย