เอเจนซีส์ – กองทัพสหรัฐฯเปิดเผยภาพล่าสุดเมื่อวานนี้ (8) โจมตีกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธทางอากาศในอิรักรอบใหม่อย่างน้อย 4 ระลอก นับตั้งแต่สิ้นเสียงคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยยาซิดิส (Yazidis) ในขณะที่อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมูลค่า 8 ล้านปอนด์ พร้อมจัดส่งเครื่องบินลำเลียงกองทัพอังกฤษ C130 Hercules จำนวน 2 ลำ ร่วมจัดส่งของบรรเทาทุกข์ และถึงแม้ IS จะถูกโจมตีทางอากาศจากสหรัฐฯ อีกด้านหนึ่งมีภาพยาซิดิสถูกลงโทษจับตรึงไม้กางเขนลงโทษฐานไม่ยอมเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในเมืองที่ไม่ห่างจากเออร์บิล (Erbil) ทางเหนือของอิรัก
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (8) ว่า กองทัพสหรัฐฯได้โจมตีใหญ่กลุ่มมุสลิมติดอาวุธสุหนี่ IS อย่างน้อย 4 ระลอกล่าสุด เพื่อปกป้องพลเรือนในทางเหนือของอิรัก
กองบัญชาการส่วนกลางของกองทัพสหรัฐฯแถลงว่า เครื่องบินขับไล่สหรัฐฯ รวมถึงอากาศยานไร้คนขับโดรนได้ออกทำลายรถลำเลียงหุ้มเกราะ รวมถึงรถบรรทุกที่ได้กราดยิงชนกลุ่มน้อยยาซิดิส (Yazidis)
พลเรือนชนกลุ่มน้อยทั้งคริสเตียน และยาซิดิส ไม่ต่ำกว่า 40,000 คนได้หลบหนีจากบ้านเรือนของตนไปยังเทือกเขาซินจาร์ หลังจากกลุ่ม IS ได้เข้ายึดเมืองซินจาร์ของชาวยาซิดิสและเมืองคาราคอช ( Qaraqosh) ที่เป็นเมืองชุมชนชาวคริสเตียนใหญ่ที่สุดในอิรักในหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้
และนี่ถือเป็นการโจมตีรอบที่ 3 นับตั้งแต่สิ้นเสียงคำประกาศจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ในคืนวันพฤหัสบดี (7)
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯได้โจมตี IS ทางอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มติดอาวุธเข้าโจมตีเมืองเออร์บิล (Irbil) ของชาวเคิร์ด ทางเหนือของอิรัก
แถลงการณ์ของกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การโจมตีล่าสุดทางอากาศใกล้ซินจาร์เพื่อป้องกันชีวิตของชนกลุ่มน้อยยาซิดิสและคริสเตียน ที่ถูกข่มขู่จะสังหารหากไม่ยอมเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และนี่นับเป็นการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯในดินแดนอิรักครั้งแรกนับตั้งแต่ถอนทหารไปในปี 2011 ซึ่งกลุ่มติดอาวุธขู่ว่าจะสังหารอย่างน้อย 300 ครอบครัวของชนกลุ่มน้อยในทางเหนือของอิรักหากไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา
และในไม่กี่วันมานี้ปฏิบัติการมนุษยธรรมทางอากาศของสหรัฐฯได้หย่อนสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ที่ติดอยู่ที่ภูเขาซินจาร์อีกด้วย
ภาพการโจมตีที่สื่ออังกฤษรายงานนั้นแสดงถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ (8) ซึ่ง 1 วันหลังจากที่โอบามาได้ออกแถลงการณ์ถึงปการตัดสินใจสั่งการโจมตีทางอากาศในอิรักในคืนวันพฤหัสบดี (7) ซึ่งภาพเผยการยิงขีปนาวุธเข้าใส่กองคาราวานของ IS ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการหย่อนเครื่องบรรเทาทุกข์ในวันเสาร์ (9) ในบริเวณเทือกเขาซินจาร์ ที่ถือเป็นครั้งที่ 2 ของปฏิบัติการ โดยสหรัฐฯได้ส่งอาหารพร้อมรับประทานจำนวน 28,000 กล่อง และน้ำสะอาดอีก 7,000 ลิตร
ชาวยาซิดิสที่หากไม่หนีมาที่หุบเขาซินจาร์ ก็จะหนีข้ามพรมแดนไปยังตุรกี หรือตั้งศูนย์ลี้ภัยอยู่ที่ลาลิช (Lalish) ซึ่งมีหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังร่างผู้นำของพวกเขาอยู่ที่นั่น บรรดาผู้อพยพชนกลุ่มน้อยต่างห่อตัวเข้าด้วยกันภายใต้ผ้าห่มผืนบางและเด็กทารกในเปลไม้อย่างง่ายๆ
ด้าน ฟิลิป แฮมมอนด์ (Philip Hammond) รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้ออกแถลงมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในอิรักมูลค่า 8 ล้านปอนด์ พร้อมส่งเครื่องบินลำเลียงกองทัพอังกฤษ C130 Hercules จำนวน 2 ลำ ร่วมจัดส่งของบรรเทาทุกข์สนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศบรรเทาทุกข์ของสหรัฐฯและชาติอื่นๆ ที่จะตามมา แต่ยังยืนยันว่าอังกฤษจะยังไม่ร่วมปฏิบัติการทหารโจมตี IS เหมือนกับที่หลายฝ่ายในอังกฤษหวั่นเกรงว่าประเทศจะตกอยู่ในห้วงสงครามอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีหน่วยรบพิเศษอังกฤษ SAS ที่สามารถพูดภาษาอารบิกและเชี่ยวชาญชัยภูมิอิรักได้เป็นอย่างดี ได้ร่วมปฎิบัติการกับสหรัฐฯเพื่อช่วยระบุหาพิกัดของ IS เพื่อสะกัดการลุกคืบของกลุ่มติดอาวุธสุหนี่
อย่างไรก็ตาม เอียน เบอร์เรลล์ (Ian Birrell) นักข่าวอังกฤษรายงานในวันอาทิตย์ (10) เปิดเผยภาพหฤโหดของ IS ในการตรึงกางเขนชนกลุ่มน้อยทั้งเป็น หลังจากสั่งให้หันมานับถือศาสนาอิสลาม โดยทางกลุ่มได้เข้ามาที่โคจา (Koja) ฮาติมิยา (Hatimiya) และ คาโบชิ (Qaboshi)
มีรายงานว่า กลุ่มนักรบญิฮัดสุหนี่ร่วม 200 คน ในคาราวานรถฮัมวีเมดอินยูเอสเอที่ยึดได้จากกองทัพอิรักจำนวน 12 คันตรงมายังหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อยยาซิดิส และผู้นำของญิฮัดจากโมซุลได้เสนอทางรอดให้กับชาวหมู่บ้านให้เลือกระหว่าง “ความตายหรือเปลี่ยนศาสนา”
ฟาลาห์ (Falah) ผู้นำชุมชนได้ยื่นข้อเสนอเงินกลับไปให้กับกลุ่ม IS แต่นักรบญิฮัดปฏิเสธ โดยยืนยันเพียงว่า หากไม่มีเปลี่ยนศาสนาจากโซโรอัสเตอร์เป็นศาสนาอิสลามจะต้องจบชีวิต โดยพวกเขาพร้อมที่จะสังหารผู้คนในโคโช (Kosho) หากไม่หันมาเปลี่ยนศาสนาก่อนเที่ยง โดยคนเหล่านี้ต้องเลือกว่าจะต้องหลบหนีออกไปหรือจะต้องเผชิญหน้ากับความตาย คำขู่ได้สร้างความกลัวให้กับชาวหมู่บ้านร่วม 2,500 คนในการสังหารหมู่ที่ทางชาวยาซิดิสตกลงใจประกาศจะไม่ยอมก้มหัวให้ IS
ฟาลาห์กล่าวต่อว่า “หากพวกเราตัวคนเดียวคงหลบหนีไปแล้ว แต่นี่มีทั้งผู้หญิง เด็ก และคนสูงวัย ทำให้พวกเรา รวมทั้งผมต้องปักหลักอยู่ที่นี่”
ด้านนักรบเคิร์ดที่ได้ให้ความช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยยาซิดิสให้สัมภาษณ์ว่า “อาวุธของกลุ่ม IS ที่ยึดได้มาจากกองทัพอิรักล้วนแต่เมดอินยูเอสเอ ที่มีเทคโนโลยีล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นปืน AK47 หรือแม้กระทั่งรถฮัมวี แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของโอบามาที่ผ่านมาที่พยายามจะติดอาวุธและฝึกสอนกองทัพอิรักให้ปกป้องตนเอง และทุ่มเม็ดเงินไปถึง 2 พันล้านดอลลาร์”
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มนักรบเคิร์ดที่มีอาวุธประสิทธิภาพต่ำสามารถช่วยเหลือผู้อพยพยาซิดิสให้อพยพออกไปได้ถึง 5,000 คน ออกจากเทือกเขาซินจาร์สำเร็จ แต่ยังมีชาวชนกลุ่มน้อยจำนวนมากที่ยังติดอยู่ โดย IS ได้พยายามปิดล้อมเทือกเขาแห่งนี้ ที่ตั้งใกล้กับพรมแดนตุรกี ล่าสุดคาดว่ามีชนกลุ่มน้อยไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ยังคงลี้ภัยอยู่ที่นี่ และสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า IS จับผู้หญิงยาซิดิสจำนวนหลายร้อยคนเป็นตัวประกันที่โมซุลในวันศุกร์ (8) และมีแผนมากมายที่จะจัดการกับตัวประกันเหล่านี้