xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนบุกกดดันต่อเนื่อง กองทัพระบุรุกเข้าพื้นที่ใจกลางลูฮันสก์แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารยูเครนกำลังบรรจุกระสุนให้กับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง แกรด สำหรับใช้ถล่มลูฮันสก์ ฐานที่มั่นของฝ่ายกบฏ
เอเอฟพี - กองทัพยูเครนยังคงกดดันต่อเนื่องในวันอังคาร (19 ส.ค.) เพื่อรุกชิงคืนพื้นที่ทางตะวันออกจากฝ่ายกบฏ หลังจากที่มีการกล่าวหาว่าพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียเหล่านั้น ได้ยิงจรวดใส่ขบวนรถของชาวบ้านที่กำลังหลบหนีออกมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าสิบรายก่อนหน้านี้

กองทัพยูเครนระบุว่า ได้ทำการสู้รบกับฝ่ายกบฏตามท้องถนนในบริเวณใจกลางเมืองลูฮันสก์ ฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฏที่โดนยิงถล่มอย่างหนัก ทั้งยังไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้าใช้มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากความพยายามที่จะขับไล่ฝ่ายกบฏให้ออกจากพื้นที่แถบนั้นของกองทัพยูเครน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ส.ค.) กองทัพยูเครนได้กล่าวหาฝ่ายกบฏว่าใช้จรวดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ยิงเข้าใส่ขบวนรถที่ชูธงขาวของชาวบ้านและเด็กๆ ซึ่งกำลังหลบหนีออกจากเมืองนี้

อังเดรย์ ลีเชนโก โฆษกฝ่ายความมั่นคงยูเครน ระบุในวันอังคาร (19 ส.ค.) ว่าการโจมตีของฝ่ายกบฏได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีการพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 15 รายจากขบวนรถดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายกบฏปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ขณะที่ยังไม่มีฝ่ายที่เป็นกลางใดๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบได้

ถึงกระนั้นการที่มีจรวดถูกยิงเข้าใส่พลเรือนก็ได้ทำให้สหประชาชาติและสหรัฐอเมริกา ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ ขณะที่การพูดคุยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการทูตระดับสูงของรัสเซียกับยูเครนก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ทางด้านเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน ออกมาระบุว่าเหตุการณ์อันน่าสลดใจครั้งนี้ ทำให้ยิ่งสมควรที่จะทำการแก้ปัญหาด้วยการทูตและหยุดยิงโดยเร็ว เขาได้เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายกองทัพยูเครนและฝ่ายกบฏ ยินยอมให้มีเส้นทางปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการจะออกจากพื้นที่ปฏิบัติการทางการทหาร

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าใครคือผู้ที่รับผิดชอบเหตุโจมตีขบวนรถของชาวบ้าน พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสังเวยชีวิตของผู้บริสุทธิ์

การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนที่กินเวลามากว่า 4 เดือน ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 2,100 ราย และก่อให้เกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมในพื้นที่นี้

ด้านเมืองลูฮันสก์ ฐานที่มั่นสำคัญที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก ถูกตัดน้ำและไฟฟ้ามาเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ขณะเดียวกันอาหารก็เริ่มจะร่อยหรอลงไปทุกที

แหล่งข่าวจากกองทัพยูเครนระบุในวันอังคาร (19 ส.ค.) ว่าการสู้รบตามท้องถนนได้ย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่ใจกลางของเมืองลูฮันสก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเขตหนึ่งของเมืองนี้ได้รับการ “ปลดปล่อย” ให้พ้นจากการควบคุมของฝ่ายกบฏเรียบร้อยแล้ว

หากข้อมูลดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง การเคลื่อนกำลังของกองทัพยูเครนเข้าสู่เมืองที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ซึ่งเคยมีประชากรกว่า 420,000 รายอาศัยอยู่แห่งนี้ ก็นับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญเลยทีเดียว
ช่างภาพของเอเอฟพี ในเมืองมากียิฟกาที่อยู่ติดกันกับโดเน็ตสก์ พบศพที่เสียชีวิตเพราะกระสุนปืนใหญ่
ส่วนโดเนตสก์ อีกหนึ่งที่มั่นหลักของฝ่ายกบฏ นักข่าวของเอเอฟพีรายงานว่าได้ยินเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วเมือง จากการโจมตีของทหารฝ่ายรัฐบาลที่กำลังยิงถล่มพวกกบฏซึ่งปักหลักกันอยู่ที่นี่

ชาวบ้านภายในเมืองดังกล่าว ซึ่งก่อนที่จะเกิดการสู้รบนั้นเคยมีมากถึง 1 ล้านคน ต่างก็พากันมาต่อแถวเพื่อขอรับน้ำ หลังจากที่การสู้รบได้ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ขาดแคลนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ช่างภาพของเอเอฟพี ในเมืองมากียิฟกาที่อยู่ติดกันกับโดเนตสก์ ระบุว่า เห็นศพของผู้หญิง 1 ราย และผู้ชาย 2 ราย ที่เสียชีวิตเพราะกระสุนปืนใหญ่ นอนกองอยู่ตามถนน

เมื่อคืนวันจันทร์ (18 ส.ค.) ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ได้ออกมาระบุว่า ยูเครนได้ปรับยุทธศาสตร์ด้านการทหารใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ฝ่ายกบฏอ้างว่าได้รับกองกำลังสนับสนุนจากรัสเซีย ที่เข้ามาช่วยประคับประคองฝ่ายกบฏที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ

โปโรเชนโกระบุว่า การจัดรวมกำลังกันใหม่ของกองทัพครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อค้นหาหนทางที่จะรุกโจมตีต่อไป

ประชากรกว่า 285,000 คนต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อหนีการสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเอ็น 2 ราย ได้แก่ รองเลขาธิการใหญ่จากยูเอ็น “เจฟฟรีย์ เฟลต์แมน” และผู้อำนวยการฝ่ายให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม “วาเลรีย์ อามอส” ก็จะถูกส่งตัวเข้าไปในยูเครนช่วงปลายสัปดาห์นี้

ทางยูเครนยังระบุอีกว่า เฝ้ารอการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล ในวันเสาร์นี้ (23 ส.ค.) ซึ่งเป็น 1 วันก่อนที่จะถึงวันเฉลิมฉลองการประกาศเป็นประเทศเอกราชของยูเครน
ขบวนรถที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัสเซีย ต้องจอดอยู่แถวจุดตรวจใกล้ชายแดนยูเครน เพราะข้ามฝั่งเข้าไปไม่ได้
ส่วนความพยายามด้านการทูตที่จะยุติการสู้รบ ก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าการพบกันระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน รัสเซีย เยอรมนีและฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 ส.ค.) จะจบลงโดยที่ไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ที่จะนำไปสู่การหยุดยิง

พาฟโล คริมคิน นักการทูตระดับสูงของยูเครน โวยวายใส่ฝ่ายรัสเซีย ที่ไม่ยอมรับว่า บรรดาอาวุธและทหารรับจ้างยังคงหลั่งไหลข้ามชายแดนรัสเซียเข้าไปสนับสนุนฝ่ายกบฏ

ขณะที่ทางรัสเซียเองก็ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาจากชาติตะวันตก ที่บอกว่ารัสเซียสนับสนุนการลำเลียงอาวุธไปให้ฝ่ายกบฏ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางกองทัพยูเครนหยุดยิง

สำหรับขบวนรถให้ความช่วยเหลือของรัสเซียยังคงติดอยู่แถวจุดตรวจใกล้กับชายแดนยูเครน รอการอนุมัติให้ผ่านทาง แต่การถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะยอมให้ผ่านหรือไม่นั้นก็ยังคงไม่มีข้อยุติ

ลอเรนต์ คอร์บัซ ตัวแทนกาชาดได้เข้าไปยังกรุงมอสโกในวันอังคาร (19 ส.ค.) เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครน

กาชาดระบุว่า ยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยเกี่ยวกับวิธีข้ามชายแดนเข้าไปในพื้นที่ของฝ่ายกบฏ

ด้านผู้สังเกตการณ์จากโอเอสซีอีบอกกับนักข่าวบริเวณชายแดนว่า ยังไม่รู้กำหนดวันเวลาที่ขบวนรถความช่วยเหลือจะได้ข้ามฝั่งเข้าไปในยูเครน

ทั้งนี้ ยูเครนและชาติตะวันตกพากันเกรงว่า ความช่วยเหลือเหล่านั้นจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มกบฏ หรืออาจจะถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างของทางรัสเซียในการรุกราน ซึ่งทางรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น