รอยเตอร์ - กลุ่มแบกแยกดินแดนนิยมรัสเซียของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี (26) ตอบตกลงคืนสู่การเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งทางภาคตะวันออก แต่ทางประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก เตือนว่าจะไม่ขยายเวลาหยุดยิงจากเดิมในคืนวันศุกร์ (27) ออกไป ถ้าพบว่าท่าทีล่าสุดของฝ่ายกบฏมีจุดประสงค์เพียงแค่ซื้อเวลาเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวของฝ่ายกบฏฝักใฝ่มอสโก ซึ่งสู้รบกับกองกำลังรัฐบาลมาตั้งแต่เดือนเมษายน มีขึ้นหลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี พูดคุยกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน เพื่อหารือถึงแนวทางยุติวิกฤตการณ์ดังกล่าว
ในเบอร์ลิน แหล่งข่าวรัฐบาลบอกว่าเป้าหมายของการหารือทางโทรศัพท์ครั้งนี้ มีเป้าหมายคือหาทางขยายเวลาหยุดยิง ซึ่งจะหมดลงในช่วง 20.00 น. ของวันศุกร์ (27) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่จากข้อมูลของสหประชาชาติที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (24) พบว่าเหตุสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครน ได้คร่าชีวิตปแล้วกว่า 420 ศพ ในนั้นมีทั้งทหารยูเครน ฝ่ายกบฏและพลเรือน
นายโปโรเชนโก บอกว่าเขาทราบมาว่าฝ่ายกบฏพร้อมเปิดเจรจารอบ 2 ในวันศุกร์ (27) ด้วยมีกลุ่มประสานงานเป็นคนกลาง ในนั้นรวมถึงอดีตประธานาธิบดียูเครน ลีโอนิด คูชมา ทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE)
แม้ถูกกดดันจากชาติตะวันตก แต่โปโรเชนโก แย้มอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีการขยายช่วงเวลาของการหยุดหยิงจนกว่าจะรู้สึกพอใจกับผลหารือของกลุ่มประสานงานเสียก่อน “วันศุกร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง หากว่าเงื่อนไขของแผนสันติภาพไม่ได้รับการตอบรับ จากนั้นเราก็จะดำเนินการตัดสินใจครั้งสำคัญยิ่ง” โปโรโชนโก บอกกับสภายุโรปในเมืองสตาร์สบูร์ก ฝรั่งเศส
นายโปโรเชนโก ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา เตือนว่ากองกำลังรัฐบาลของเขาจะเปลี่ยนเข้าสู่แผนบี สันนิษฐานว่าจะเป็นปฏิบัติการกวาดล้าง หากฝ่ายกบฏใช้การหยุดยิงนี้เป็นโอกาสของการรวบรวมอาวุธและรวมกลุ่มใหม่ ขณะที่พบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายต่อหลายครั้ง อันทำให้เขาถูกกดดันให้ประกาศยกเลิกคำสั่งหยุดยิงดังกล่าว
เป็นอีกครั้งที่ประธานาธิบดีรายนี้วิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย ที่ไม่สนับสนุนแผนสันติภาพของเขา ล้มเหลวระงับการส่งมอบอาวุธแก่ฝ่ายกบฏและหยุดยั้งพวกทหารรับจ้างจากการข้ามพรมแดนเข้าไปยังยูเครน พร้อมกันนั้น เขาบอกด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะกลับสู่ภาวะปกติ หากมอสโกไม่คืนแหลมไครเมียที่พวกเขาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ปูติน ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เคยให้การช่วยเหลือด้านอาวุธแก่พวกแบ่งแยกดินแดน แต่เขาก็แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าตลอดว่าตนเองคือผู้ปกป้องชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าพวกเขาถูกต่อต้านจากระลอกคลื่นชาตินิยมในยูเครน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ที่มอสโกสนับสนุนถูกโค่นอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์
แผนสันติภาพของนายโปโรเชนโก เสนอนิรโทษกรรมแก่ฝ่ายกบฏและคุ้มครองความปลอดภัยให้พวกเขาออกนอกประเทศหากยอมวางอาวุธ นอกจากนี้แล้ว เสนอมอบสิทธิต่างๆ แก่ชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซียตามแนวชายแดนทางตะวันออก และในสัปดาห์ก็จะเสนอแผนกระจายอำนาจที่ให้ภูมิภาคต่างๆ มีอิสระในการควบคุมด้านการเงินและกิจการต่างๆ ด้วยตนเองมากขึ้น
ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่นี้ ที่ทางฝ่ายกบฏบอกว่าจะมีขึ้นในเมืองโดเนตสก์ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแบ่งแยกดินแดน ดูเหมือนจะทำให้ชาติตะวันตกต้องระงับมาตการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ไว้สักพัก อย่างน้อยก็ในตอนนี้
