xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์ “ยูเครน” ตึงเครียด ยอดคนตายเพิ่มทุกวัน “โปโรเชนโก” ยกเลิกนัดคุยกับ “ปูติน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความเสียหายที่เกิดขึ้นในแถบพื้นที่สู้รบ
เอเอฟพี - การปะทะกันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียกับกองทัพยูเครนได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 12 รายในวันนี้ (13 ก.ค.) แถมยังทำให้การพบกันของผู้นำยูเครนซึ่งฝ่ายตะวันตกหนุนหลังอยู่ กับผู้นำรัสเซีย ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกที่บราซิล ต้องถูกยกเลิกไปด้วย

วิกฤติด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายขอบทางตะวันออกของสหภาพยุโรป ซึ่งได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 550 ราย แถมยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกลุกเป็นไฟ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.ค.) ได้ทำท่าจะบานปลายขยายตัวไปเป็นสงครามกลางเมืองอย่างเต็มขั้น

โดยในคืนวันศุกร์ดังกล่าว ทางกองกำลังติดอาวุธฝ่ายกบฏ ที่ถูกชาติตะวันตกและยูเครนกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ได้ใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ยิงใส่กองทัพรัฐบาล จนทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิต 19 รายและได้รับบาดเจ็บเกือบ 100 ราย บริเวณใกล้กับชายแดนรัสเซีย

ขณะที่การโจมตีอีกหลายระลอก ที่ดูเหมือนจะดับความหวังในการพักรบ ก็ทำให้ทหารยูเครนอีก 18 ราย รวมถึงพลเรือนอีก 20 รายต้องสังเวยชีวิต ทั้งนี้ทางยูเครนระบุว่า 12 รายในกลุ่มผู้เสียชีวิตเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการโจมตีหลายครั้งในคืนที่ผ่านมาตลอดพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า มีผู้เสียชีวิต 6 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย แถวชานเมืองของโดเน็ตสก์ เมืองที่มีประชากรนับล้านและเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังฝ่ายกบฏ

ด้านคนงานเทศบาลในเมืองลูกันสก์ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในละแวกนี้อีก 6 ราย กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย จากเหตุการณ์สู้รบตลอดทั้งคืน ในเมืองที่มีประชากรประมาณ 425,000 คนและก็เป็นที่มั่นสำคัญอีกแห่งหนึ่งของฝ่ายกบฏแห่งนี้

ขณะเดียวกัน นักข่าวของเอเอฟพีก็รายงานจากห้องเก็บศพในหมู่บ้านมาร์ยินกา ว่าได้เห็นศพจำนวน 8 ศพ ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณด้านนอกหมู่บ้านทางตะวันตกของเมืองโดเน็ตสก์แห่งนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.)
กองกำลงัฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ใฝ่รัสเซีย ปักหลักกันอยู่ในเมืองโดเน็ตสก์
จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดช่วงระยะเวลากว่า 3 เดือนของความขัดแย้งครั้งนี้ ทั้งยังเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของยูเครน ที่อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และตั้งอยู่ในพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญตรงกลางระหว่างรัสเซียและยุโรป นอกจากนี้ ความสูญเสียของกองทัพยูเครน ยังได้บ่อนทำลายความหวังที่จะใช้ชัยชนะในสนามรบเป็นตัวโน้มน้าวให้ฝ่ายกบฏต้องยอมสงบศึก

เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน ได้ลั่นวาจาไว้ว่าจะสังหารฝ่ายกบฏ “หลายร้อยคน” แลกกับทหารทุกๆ คนที่ต้องเสียชีวิตไป นอกจากนั้นเขายังสั่งให้กองทัพปิดล้อมทางอากาศอย่างหนาแน่นต่อเมืองลูกันสก์และเมืองโดเน็ตสก์ สองเมืองที่สถาปนาตัวเองเป็นสาธารณรัฐและอยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

ด้านกลุ่มผู้นำของหลายประเทศในยุโรป แสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยการร่วมมือกับผู้นำรัสเซีย ในการโน้มน้าวให้โปโรเชนโก ยุติเหตุรุนแรงครั้งนี้

สำหรับความหวังในการพักรบ ณ เวลานี้ ขึ้นอยู่กับการพบปะพูดคุยกันระหว่างปูตินและโปโรเชนโก ซึ่งเดิมทีมีกำหนดว่าจะได้เจอกันในระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิล โดยที่ปูตินนั้นมีกำหนดการไปยังเมืองรีโอเดจาเนโร อยู่ก่อนแล้ว ตามแผนการเดินทางเยือนประเทศแถบละตินอเมริกาของเขา

ส่วนทางด้านโปโรเชนโกนั้น ก็มีการเปิดเผยจากประธานาธิบดีบราซิลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.ค.) ว่า โปโรเชนโกได้ตอบรับคำเชิญไปเยือนแดนแซมบ้าแล้วเช่นกัน แต่แล้วทางทำเนียบประธานาธิบดียูเครนก็ได้ออกมาระบุเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ค.) ว่าหลังจากที่ได้พิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในยูเครนแล้ว โปโรเชนโกจำเป็นจะต้องยกเลิกนัดหมายครั้งนี้
เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องของฝ่ายกบฏ ที่สร้างความเสียหายให้กับกองทัพยูเครน
สำหรับการใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องของฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนนั้น ฝ่ายตะวันตกมองว่าเป็นหลักฐานอันหนักแน่นล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียเกี่ยวข้องโดยตรงกับการก่อกบฎในยูเครนคราวนี้ อย่างไรก็ตาม ปูตินได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการลุกฮือของฝ่ายกบฏ เพราะหวังที่จะควบคุมพื้นที่บางส่วนทางตะวันออกของยูเครน รวมถึงเป็นการลงโทษยูเครนที่หันไปผูกมิตรกับสหภาพยุโรป

ทว่า โปโรเชนโก ได้ออกมาโต้แย้งว่า การสงบศึกกับฝ่ายกบฏไม่มีทางเกิดขึ้นได้ จนกว่ากองทัพของเขาจะสามารถปิดกั้นแนวชายแดนรัสเซียเพื่อหยุดการหลั่งไหลเข้ามาของบรรดาอาวุธและกองกำลังสนับสนุน

บริเวณพื้นที่แนวชายแดนยูเครน-รัสเซีย ได้กลายเป็นแนวหน้าของการสู้รบแห่งใหม่ไป หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพวกกบฎได้ถอนตัวออกจากหลายๆ เมืองในแถบพื้นที่เหมืองแร่ถ่านหินของโดเน็ตสก์ ที่พวกเขายึดเป็นฐานที่มั่นมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ตั้งแต่นั้น กองกำลังอาวุธกบฎก็ระดมรวมศูนย์กำลังของพวกตนอยู่รอบๆ เมืองโดเน็ตสก์และเมืองลูกันสก์ และตั้งความหวังว่าจะได้รับอาวุธใหม่ๆ ที่จะช่วยชุบชีวิตการสู้รบของพวกตนได้

ปัจจัยใหม่อีกประการหนึ่งซึ่งทำท่าจะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ได้แก่การที่มอสโกแถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย กับผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย จากกระสุนซึ่งยิงออกจากภายในดินแดนยูเครน เข้าไปตกในพื้นที่ชุมชนใกล้กับเมืองเล็กๆ ของรัสเซียตรงบริเวณพรมแดนติดต่อกับยูเครน โดยทางกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้กล่าวโทษยูเครน และระบุว่า เหตุครั้งนี้อาจนำไปสู่ “ผลสืบเนื่องซึ่งไม่สามารถหวนกลับเปลี่ยนแปลงได้”
กำลังโหลดความคิดเห็น