เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ให้สัมภาษณ์วันศุกร์(27) ในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม หลังร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสหภาพยุโรปว่า กลุ่มกองกำลังในโดเนตสค์ และลูฮานสค์ ที่ได้ลงคะแนนหย่อนบัตรประกาศเอกราชจากยูเครนก่อนหน้านี้ นั้นอยู่ใต้สั่งการของประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูติน ที่ทางยูเครนมองว่าไม่ทำสิ่งใดเพื่อยุติความรุนแรงในภาคตะวันออกของยูเครน และโปโรเชนโกยังมั่นใจว่าสามารถนำไครเมียกลับสู่อ้อมอกยูเครนได้ในสมัยเขา
ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโ ก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน และสื่อยุโรปอีก 4 ฉบับในวันศุกร์(27)ว่า กลุ่มติดอาวุธที่ควบคุมโดเนตสค์ และลูฮานสค์อยู่ในขณะนี้ถูกสั่งการมาจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และกลุ่มติดอาวุธได้ออกปฎิบัติการโจมตีกองทัพยูเครนไม่ต่ำกว่า 150 ครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มประกาศหยุดยิงในวันที่ 20 มิถุนายน และมีเจ้าหน้าที่ทหารยูเครนไม่ต่ำกว่า 5 นายเสียชีวิตในวันศุกร์(27)
โปโรเชนโกที่ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วกล่าวโพล่งออกมาตั้งแต่เริ่มต้นการให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธ “ผมไม่คิดว่าทางรัสเซียจะทำสิ่งใดเพื่อหยุดความรุนแรงในภาคตะวันออก” โปโรเชนโกกล่าว และเสริมว่า “รัสเซียเป็นหัวหน้าของกลุ่มแยกดินแดนผิดกฎหมายพวกนี้ โดยเรากำลังพูดถึงประชาชนรัสเซีย เจ้าหน้าที่รัสเซีย และกองกำลังรัสเซียที่มั่งคั่ง” และโปโรเชนโกยังวิจารณ์นโยบายรัสเซียต่อยูเครนว่า “ ไม่ทำด้วยเหตุผล มีแต่อารมณ์เป็นแรงขับดัน”
และในขณะที่โปโรเชนโกกำลังลงนามในสัญญาครั้งประวัติศาสตร์ในเบลเยียม กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในโดเนตสค์ประกาศยืดเวลาหยุดยิงออกไปอีก 72 ชั่วโมงเพื่อให้การลงนามผ่านไปอย่างลุล่วง แต่ในฝั่งรัสเซียที่หงุดหงิดกับความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างยูเครนและอียู หนึ่งในที่ปรึกษาของปูติน เซอร์เก กลาซเยฟ (Sergei Glazyev) ได้ให้ฉายาโปโรเชนโกว่า “นาซี”
ทั้งนี้โปโรเชนโกได้เปิดเผยกับเดอะการ์เดียนว่า ยูเครนต้องจ่ายราคาแพงมากเพื่อที่จะได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับสหภาพยุโรป “มีราคาแพงมากสำหรับยูเครนที่ตกลงเลือกที่จะมาอยู่กับอียู ยูเครนต้องการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เราต้องการให้ชาวยูเครนรู้จักคุณค่าของเสรีภาพ ประชาธิปไตย และค่านิยมแบบยุโรปตะวันตก แต่มีบางคนไม่ต้องการเช่นนั้น และหลายคนโจมตียูเครนเพราะทิศทางการเปลี่ยนแปลงนี้” โปโรเชนโกเปิดเผย และเมื่อถูกถามว่า จะสามารถนำไครเมียกลับคืนมาได้ในสมัยการดำรงตำแหน่งของเขาหรือไม่ โปโรเชนโกตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “แน่นอน” แต่ไม่เปิดเผยถึงวิธีการ
ซึ่งสำนักข่าวอิตาร์ทาสส์ ของรัสเซียรายงานในวันนี้(28)ว่า มีชาวไครเมียร่วม 1.45 ล้านคนได้สมัครยื่นขอพาสปอร์ตรัสเซีย จากการให้สัมภาษณ์ของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลางรัสเซีย (FMS) ในวันศุกร์(27) “ก่อนที่จะถึงเทศกาลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทางสำนักงาน FMSในไครเมียจะเปิดสำนักงานชั่วคราวเพื่อให้บริการขอหนังสือเดินทางรัสเซียสำหรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในวันที่ 18 มีนาคม 2014 จากยูเครน”
อย่างไรก็ตาม โปโรเชนโกได้ยอมรับในการสัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ในตะวันออกถึงขั้นวิกฤตหนัก “พื้นที่ครึ่งหนึ่งของวโดเนตสค์ และ 1 ใน 3 ของลูฮานสค์ เป็นเขตสงคราม ไม่มีธนาคารเปิดให้บริการ ไม่มีการจ่ายเงินสวัสดิการบำนาญ ไม่มีทั้งน้ำประปาและกระแสไฟฟ้า ผู้คนถืออาวุธบนถนน ชาวบ้านกลัวที่จะออกนอกเคหา” โปโรเชนโกกล่าว และเสริมว่า รัฐบาลของเขาควบคุมพื้นที่ราว 87% ของประเทศที่มีสภาพตรงกันข้าม ล้วนอยู่อย่างสงบและปลอดภัย “ภายในรัศมี 2 กม.จากจุดตรวจของกองทัพยูเครน ประชาชนอาศัยอยู่อย่างสงบ ปลอดภัย ตามปกติ” โปโรเชนโกให้สัมภาษณ์
นอกจากนี้โปโรเชนโกเปิดอกว่า ยูเครนไม่สามารถยุติความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกด้วยปฏิบัติการทหารอย่างเดียว โดยเขามีแนวคิดที่จะแก้รัฐธรรมนูญยูเครนเพื่อกระจายอำนาจ รวมไปถึงประกันสิทธิผลประโยชน์ให้กับชาวยูเครนที่พูดภาษารัสเซีย สร้างสิ่งปลูกสร้างหน่วยงานรัฐที่โดนกองกำลังแบ่งแยกยูเครนได้ทำลายลง ในขณะที่สงครามกำลังดำเนินไป กลุ่มกบฎสามารถยึดครองเมืองสำคัญได้ และรัฐบาลยูเครนสูญเสียการควบคุมพื้นที่ร่วม 280กม ตามแนวยาวตลอดพรมแดนติดรัสเซีย และสิ่งสำคัญสำหรับเคียฟคือ การกลับเข้าไปควบคุมดินแดนเหล่านั้นอีกครั้ง แต่ปัญหาสำคัญที่อยู่ตรงหน้าคือ คาราวานรถถัง และยุทโธปกรณ์ของรัสเซียข้ามฝั่งเข้ามาในยูเครนเป็นจำนวนมาก โดยโปโรเชนโกชี้ว่า ในขณะนี้อาวุธหนักพวกนี้ตกอยู่ในมือกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยประธานาธิบดียูเครนกล่าวตบท้ายว่า คงจะไม่ใช่แผนสันติภาพหยุดยิงแน่นอนหาก ทหารยูเครนต้องตายลงไปทุกวัน รวมถึงการได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการฝ่ายเดียว