เอเจนซีส์ - กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์รุ่น Mi-8 ของกองทัพ 1 ลำถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนยิงตกที่นอกเมืองสโลเวียนสค์ เขตอิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียทางตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตยกลำทั้งหมด 9 คน ด้านผู้นำสาธารณรัฐโดเนตสค์ เดนิส พูชลินชี้ รัฐบาลเคียฟ ทำลายสัญญาสันติภาพหยุดยิง ในขณะที่ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ต่อสายถึงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน รวมถึง ทอปยอร์น แจคแลนด์ (Thorbjoern Jagland) เลขาธิการคณะมนตรีแห่งยุโรป และนายกรัฐมนตรีเยอรมันอังเกลา แมร์เคิล ปรึกษาแผนการสันติภาพ โดยไม่ตัดช่องทางยกเลิกหยุดยิงก่อนกำหนด ส่วนประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ย้ำ ข้อตกลงหยุดยิง 7 วันเพียงพอหากเริ่มมีการตั้งโต๊ะเจรจาหาข้อยุติระหว่างเคียฟและตัวแทนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไปพร้อมกัน
เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์รุ่น Mi-8 จำนวน 1 ลำของกองทัพยูเครนถูกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนยิงตกบริเวณนอกเมืองสโลเวียนสค์ ทางยูเครนตะวันออกเมื่อวานนี้(24) หนึ่งวันหลังจากที่ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนยูเรนตอบรับการตกลงสงบศึกชั่วคราวของรัฐบาลเคียฟที่เริ่มใช้ตั้งแต่วันศุกร์(20) และการที่เฮลิคอปเตอร์ตกส่งผลให้ 9 คนที่อยู่บนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด
ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก แถลงว่า เขาอาจยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวก่อนกำหนดเนื่องมาจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดจาก "กลุ่มกบฎที่ถูกสั่งการมาจากต่างประเทศ"
โดยทำเนียบประธานาธิบดียูเครนกล่าวแถลงว่า “ผู้นำยูเครนไม่ปิดช่องทางการยกเลิกข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวก่อนกำหนด”
สำนักข่าวอิตาร์ ทาสส์ สื่อรัสเซียรายงานในวันนี้(25)ว่า โปโรเชนโกได้หารือแผนการสันติภาพทางโทรศัพท์ 4 ฝ่ายในวันอังคาร(24) ร่วมกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล และ ทอปยอร์น แจคแลนด์ (Thorbjoern Jagland) เลขาธิการคณะมนตรีแห่งยุโรป
โดยในระหว่างการประชุม โปโรเชนโกไม่ปิดช่องทางที่อาจมีการประกาศยกเลิกสัญญาหยุดยิงก่อนกำหนด โดยทำเนียบประธานาธิบดียูเครนแถลงในวันอังคาร(24)ว่า โปโรเชนโกอาจพิจารณาทบทวนหากความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป และนอกจากนี้ทางทำเนียบยูเคนยังยืนยันถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกยิงตกว่า กองกำลังปกป้องตนเองในยูเครนตะวันออกได้ยิงเฮคอปเตอร์ Mi-8 ตก ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน ที่ถึงแม้กลุ่มปกป้องตนเองจากโดเนตสค์จะตกลงรับข้อเสนอแผนสันติภาพหยุดยิงชั่วคราวกับเคียฟแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ทำเนียบยูเครนยังแถลงเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโปโรเชนโกประกาศแผนสันติภาพสงบศึกชั่วคราว เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงยูเครนได้ยิงไป 35 ครั้ง โดยในที่ประชุมของผู้นำหน่วยงานความมั่นคงยูเครนเมื่อค่ำวันที่ 24 มิถุนยน เปโรเชนโกออกคำสั่งให้กองกำลังยูเครนสามารถยิงตอบโต้ได้ทันทีในกรณีที่ถูกโจมตีก่อน
ในขณะที่ผู้นำสาธารณรัฐโดเนตสค์ เดนิส พูชลินให้สัมภาษณ์กับอิตาร์ ทาสส์เมื่อวานนี้(24)ว่า "ในวันนี้หลังจากการปรึกษาหารือกับเคียฟเสร็จสิ้น ทางกองทัพยูเครนยังคงระดมยิงใส่หมู่บ้านเซเมนอฟกา(Semenovka) นอกเมืองสโลเวียนสค์" พูชลินที่นั่งในตำแหน่งประธานของสภาเปรซิเดียมสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์กล่าว และเปิดเผยต่อว่า “มี 5 คนเสียชีวิตที่นั่น และพบว่าคาราวานรถหุ้มเกราะของกองทัพยูเครนมุ่งหน้ามาที่เมืองโดเนตสค์จากเส้นทางสนามบินโดเนตสค์ และนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างสั้นๆของปฎิบัติการทหารจากกองทัพยูเครนที่เกิดขึ้นในดินแดนของเรา และนี่เป็นราคาที่ทางเราต้องจ่ายในการให้คำมั่นกับเคียฟ โดยเราเชื่อว่าเคียฟต้องการสัญญาสงบศึกอย่างเป็นทางการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการลงนามร่วมในสนธิสัญญาความร่วมมือทางการค้าระว่างอียูและยูเครนในวันที่ 27 มิถุนายน โดยเคียฟต้องการสิ่งนี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงแม้ในความจริงแล้ว ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวจะไม่มีผลในทางปฎิบัติก็ตาม”
ในค่ำวันที่ 23 มิถุนายน มีการปรึกษาหารือที่เน้นเรื่องข้อตกลงแผนสันติภาพทางตะวันออกเฉียงใต้ในโดเนตสค์ อเลกซานเดอร์ โบโรได (Alexander Borodai) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโดนเตสค์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธในตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนตกลงยอมหยุดยิงก่อนวันที่ 27 มิถุนายนนี้
“ในข้อตกลงยอมยุติการสู้รบกับเคียฟ ฝ่ายเรารับปากยอมหยุดยิงเช่นกัน ทั้งนี้สัญญาหยุดยิงจะยังมีผลจนถึงวันที่ 27 มิถุนายนนี้” โบโรไดให้สัมภาษณ์หลังจากได้เจรจากับโปโรเชนโกถึงแผนสันติภาพที่เน้นห้ามการเคลื่อนไหวทางกองกำลังในโดเนตสค์และลูกานสค์
และบีบีซีได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างสัญญาการหยุดยิงยังมีผลบังคับใช้ว่า มีการสงสัยว่าแผนสันติภาพหยุดยิงในตะวันออกของยูเครนนั้นจะกลายเป็นแค่เศษกระดาษที่ไม่มีสภาพบังคับใช้ และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโปโรเชนโกมีแผนตอบโต้อย่างไร หลังจากมีแรงกดดันทางสาธารณะให้มีการใช้กำลังทหารตอบโต้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน
และหากเคียฟตอบโต้ด้วยกำลังทหาร ทางกลุ่มกองกำลังแบ่งแยกดินแดนและพันธมิตรรัสเซียย่อมต้องตอบสนองในแนวทางเดียวกัน จะทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดในตะวันออกของยูเครนต้องถูกยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
และจากจุดนี้ เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินถึงจุดประสงค์ของกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนที่ยั่วยุ หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้าที่พวกเขายอมรับปากแผนสันติภาพของโปโรเชนโก บางทีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่เคยมีความคิดที่จะยอมตกลงวางอาวุธชั่วคราวตามที่ได้ลงนามไว้ร่วมกัน หรือบางทีมอสโกอาจกระซิบให้พวกเขาทำเช่นนั้น อะไรก็ตามที่หวังว่าจะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในทางตะวันออกของยูเครน 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นดูเหมือนจะไม่เป็นจริงขึ้นมาในขณะนี้
นอกจากนี้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร(24)จากออสเตรียว่า ข้อตกลงหยุดยิง 7 วันนั้นถือว่าเพียงพอ...หากการเจรจาระหว่างรัฐบาลเคียฟและตัวแทนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกจะเริ่มเกิดขึ้น และประชาชนที่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับคำมั่นสัญญาที่สิทธิของพวกเขาจะไม่ถูกละเมิด
“แค่ตกลงในสัญญาการหยุดยิงยังไม่เพียงพอ” ปูตินกล่าวในการแถลงข่าวหลังจากเขาได้พบปะกับประธานาธิบดีออสเตรียที่กรุงเวียนนา และเสริมต่อว่า "ช่วงเวลา 7 วันในการหยุดยิงยังไม่เพียงพอ หากเพียงแค่ให้มีการยอมวางอาวุธลงชั่วคราวทั้งสองฝ่าย เพราะเมื่อข้อตกลงได้สิ้นสุด จะไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น แต่หากมีการเริ่มต้นตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างสร้างสรรค์ อย่างน้อยประชาชนในภาคตะวันออกจะเข้าใจว่าผลประโยชน์ของพวกเขาได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย และความสำเร็จจึงจะดูเหมือนรออยู่ข้างหน้า”
และปูตินกล่าวตบท้ายว่า “อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในวันจันทร์(23)ที่ตัวแทนจากรัฐบาลเคียฟพร้อมด้วยตัวแทนจากโดเนตสค์และลูกานสค์ได้ร่วมนั่งโต๊ะเจรจาเดียวกันเป็นครั้งแรก ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ถึงแม้จะยังไม่มีการหาข้อยุติร่วมกันในความขัดแย้งอย่างจริงจังก็ตาม ทั้งนี้ออสเตรียมีนโยบายต่างประเทศของตนเองในการถ่วงดุลย์และพิจารณาสถานการณ์ในยูเครน รวมไปถึงเสนอมาตรการที่ชัดเจนในสถานการณ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องในวิกฤตยูเครนตะวันออก” อิตาร์ทาสส์รายงานวันนี้(25)
