ยุโรป-เอเชียผวา แอฟริกาคุม “อีโบลา” ไม่อยู่ ส่อแววระบาดข้ามทวีป

เอเอฟพี - ความหวาดกลัวว่าการแพร่ระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกอาจลุกลามไปยังทวีปอื่นๆ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆในวันพุธ (30 ก.ค.) ด้วยหลายชาติในยุโรปและเอเชียสั่งเฝ้าระวัง ขณะที่องค์กรแพทย์ชั้นนำเตือนว่าการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะนี้อาจอยู่เหนือการควบคุม

จนถึงตอนนี้อีโบลาคร่าชีวิตผู้คนในกินี เซียร์ราลีโอนและไลบีเรีย ไปแล้ว 670 ราย ขณะยอดผู้ติดเชื้อใน 3 ชาติแอฟริกา พุ่งขึ้นเป็นกว่า 1,200 ราย ส่วนไนจีเรีย เพิ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศซึ่งเป็นชาวไลบีเรีย และเขาเสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันศุกร์ (25) ที่ผ่านมา

องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) กล่าวว่าวิกฤตที่เกาะกุมกินี เซียร์ราลีโอนและไลบีเรีย รังแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ พร้อมเตือนว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มียุทธวิธีใดมารับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกหนนี้

ฮ่องกงแถลงมาตรการกักตัวกรณีต้องสงสัย แม้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากแอฟริกาพร้อมกับอาการป่วยจะมีผลตรวจออกมาเป็นลบ ส่วนอียูยืนยันว่าพร้อมรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว ขณะที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นัดหารือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโลก ถึงมาตรการเป็นไปได้ต่างๆเพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงนี้

ในอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประทศ ประธานคณะกรรมาธิการจัดการวิกฤตของรัฐบาล ได้เรียกประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ แม้เพิ่งมีประชาชนเพียงคนเดียวที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อและผลตรวจในเวลาต่อมาก็ออกมาเป็นลบ “นายกรัฐมนตรีกังวลต่อภัยคุกคามร้ายแรงนี้อย่างมาก” แฮมมอนด์กล่าว พร้อมเผยว่าที่ประชุมฉุกเฉินได้ข้อสรุปว่าหนทางที่ดีที่สุดคือให้ทรัพยากรในการจัดการกับโรคระบาดเพิ่มเติมกับแหล่งต้นตอของมัน นั่นคือแอฟริกาตะวันตก

ผู้ติดเชื้ออีโบลาจะมีอาการเป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องร่วง และในบางกรณีอาจทำให้อวัยวะล้มเหลว เลือดไหลไม่หยุด ขณะที่มันสามารถปลิดชีพผู้ป่วยภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากติดเชื้อ

แหล่งข่าวในบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม บอกว่าสหภาพยุโรปได้เตรียมการไว้แล้วและพร้อมให้การรักษาเหยื่อหากพบผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะนี้ภายใน 28 ชาติสมาชิก “เราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามาในยุโรป แต่อียูมีวิธีการต่างๆที่จะตรวจตราและระงับการแพร่ระบาดอย่างฉับพลันใดๆ”

ในฮ่องกง ซึ่งมีพลเมืองพักอาศัยอยู่หนาแน่นและมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อภาวะการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ตามหลังการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003 ที่คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยศพ ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในวันพุธ (30) ยืนยันจะดำเนินการกักตัวนักเดินทางที่มาจากกินี เซียร์ราลีโอนและไลบีเรีย หากพบว่ามีอาการป่วยในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

บาร์ท แยนส์เซนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน เตือนชาติต่างๆ และองค์กรโลกทั้งหลายแหล่ว่าอย่ามองข้ามในการหาทางจัดการกับโรคระบาดนี้ “นี่คือการแพร่ระบาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่อยู่ในการควบคุมแล้วและสถานการณ์รังแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน ก็มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่าจะมีประเทศใหม่ๆได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะนี้”

ที่แคนาดา สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าแพทย์ชาวแคนาดาคนหนึ่ง ขอเข้าสู่สถานกักกันโรคด้วยตนเองในมาตรการป้องกันไว้ก่อน หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกาตะวันตกหลายสัปดาห์ เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้ออีโบลา ร่วมกับแพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งตอนนี้ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อแล้ว

สายการบิน ASKY ซึ่งมีฐานปฏิบติการในโตโกและบินรับส่งผู้โดยสารราว 20 จุดหมายปลายทาง ได้ระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้าและออกจากไลบีเรียกับเซียร์ราลีโอน ตามหลังการเสียชีวิตของผู้โดยสารรายหนึ่ง ซึ่งเป็นชายวัย 40 ปี ที่เดินทางจากไลบีเรีย แล้วมาเสียชีวิตในลากอสเมื่อวันศุกร์ (25) นับเป็นเหยื่อไวรัสอีโบลารายแรกของไนจีเรีย

องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ยอมรับว่าการพบไวรัสที่ข้ามพรมแดนโดยเครื่องบิน อาจนำไปสู่ข้อจำกัดใหม่ๆ ด้านการบินที่มีเป้าหมายระงับการแพร่ระบาด “ก่อนหน้านี้ไวรัสยังไม่กระทบต่อการบินพลเรือน แต่ตอนนี้เราได้รับผลกระทบแล้ว เราจะต้องลงมืออย่างเร่งด่วน” นายเรย์มอนด์ เบนจามิน เลขาธิการ ICAO บอก