รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์แห่งอังกฤษ ยืนยันในวันอาทิตย์ (15) โดยระบุ การบุกอิรักของสหรัฐฯและอังกฤษเพื่อโค่นล้มรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนเมื่อปี 2003 ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้อิรักกลายสภาพเป็นดินแดนที่ “ไร้ขื่อแป” อย่างในปัจจุบัน พร้อมเรียกร้องให้โลกตะวันตกผนึกกำลังร่วมกันอีกครั้ง เพื่อใช้ปฏิบัติการทางทหาร ขจัดภัยคุกคามของพวกนักรบอิสลามิสต์ในอิรัก
แบลร์ วัย 61 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรระหว่างปี 1997-2007 เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ “สกายนิวส์” ในวันอาทิตย์ (15) โดยยืนยันว่า การตัดสินใจของเขาในการนำอังกฤษเข้าร่วมกับสหรัฐฯเพื่อบุกอิรักเมื่อปี 2003 ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์ในอิรักเลวร้ายย่ำแย่ลง พร้อมย้ำ ความวุ่นวายในอิรักเวลานี้ไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯและอังกฤษแต่อย่างใด
“ผมขอยืนยันว่า การบุกอิรักของอังกฤษและสหรัฐฯเมื่อปี 2003 เพื่อทำสงครามโค่นล้มรัฐบาลของซัดดัม ฮุสเซนนั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้อิรักกลายเป็นดินแดนแห่งปัญหาและความวุ่นวายอย่างในปัจจุบัน เราคือผู้ปลดปล่อยที่ทำให้ชาวอิรักได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เราไม่ได้ทำให้อิรักย่ำแย่ลง” แบลร์ อ้าง
“ถึงเราจะไม่ได้โค่นอำนาจของซัดดัม ฮุสเซนในตอนนั้น แต่เราก็เชื่อว่าระบอบการปกครองของซัดดัมจะต้องล่มสลายอยู่ดี เช่นเดียวกับชะตากรรมที่รัฐบาลของหลายประเทศในโลกอาหรับต้องเผชิญจากปรากฏการณ์อาหรับสปริงส์” อดีตนายกฯอังกฤษกล่าวเสริม
อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษยังเรียกร้องให้โลกตะวันตกร่วมกันแสดงบทบาทต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นในอิรักในขณะนี้ และขอให้มีการใช้ปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับพวกนักรบอิสลามิสต์ในอิรัก รวมถึงในซีเรีย แต่การใช้กำลังทางทหารครั้งใหม่จำเป็นจะต้องได้รับความยินยอมจากบรรดาชาติพันธมิตรอาหรับเสียก่อน
“ผมไม่ได้ขอให้โลกตะวันตกส่งทหารภาคพื้นดินกลับเข้าไปยังอิรักอีกครั้ง เพียงแต่ขอให้มีการใช้ปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อสร้างหลักประกันว่า บทบาทและอิทธิพลของพวกอิสลามิสต์ จะไม่แพร่กระจายไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่” แบลร์ กล่าวทิ้งท้าย
