เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คนจากเหตุระเบิดที่มัสยิดแห่งหนึ่ง ที่เป็นศูนย์รวมของชาวมุสลิมนิกายซุนนีในเมืองเคอร์คุกทางตอนเหนือของอิรักในวันอังคาร (15) ขณะที่ผลการศึกษาล่าสุดบ่งชี้ว่า นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชแห่งสหรัฐฯตัดสินใจส่งกองกำลังบุกอิรักในปี 2003 เพื่อโค่นล้มระบบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซนนั้น มีผู้ที่เสียชีวิตจากความรุนแรงในอิรักไปแล้วเกือบ 500,000 ราย
รายงานข่าวระบุว่า เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดที่มัสยิดของชาวมุสลิมซุนนีแห่งหนึ่งในเมืองเคอร์คุก ทางภาคเหนือของอิรักทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน รวมถึงเด็ก 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 30 คน โดยขณะที่เกิดการระเบิดนั้นมีชาวมุสลิมซุนนีจำนวนมากกำลังประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในวันตรุษอีด หรือวันอีดในมัสยิดดังกล่าว
หลังเกิดการระเบิดที่เมืองเคอร์คุกไม่กี่ชั่วโมง มีการเปิดเผยผลการศึกษาที่ทำร่วมกันของนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในกรุงแบกแดดที่ระบุว่า นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ เป็นแกนนำในการบุกอิรักเมื่อ 1 ทศวรรษที่แล้ว มีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงและการสู้รบในอิรักไปแล้วเกือบ 500,000 คน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวที่มีกว่าครึ่งล้านคนนั้น ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประเมินขององค์กร “Iraq Body Count” ที่มีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักรซึ่งระบุว่า มีผู้เสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนไปแล้วราว 115,000 คนนับตั้งแต่การบุกอิรักของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรเปิดฉากขึ้นในปี 2003
