เอเอฟพี - ปัญหางบประมาณฝืดเคืองส่งผลให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ต้องปฏิเสธการรักษาที่จำเป็นต่อเหยื่อสงครามซีเรียและผู้ลี้ภัยที่ป่วยเป็นมะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานข้าหลวงใหญู่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แถลงเตือนวันนี้ (26)
ชาวซีเรียหลายล้านคนถูกบีบให้ต้องละทิ้งบ้านเรือนเนื่องจากผลกระทบของสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี และยังมีพลเรือนอีกจำนวนมากที่หลบหนีสถานการณ์รุนแรงในอิรักตลอด 10 ปีที่ผ่านมา สร้างภาระหนักให้แก่ระบบสาธารณสุขในภูมิภาค
“เรารักษาผู้ป่วยโรคหัดได้ทุกคน แต่รักษาผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้ทุกคน” พอล สปีเกล หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ของ UNHCR แถลง
แพทย์จำเป็นต้องตัดสินใจว่าผู้ป่วยคนใดสมควรได้รับการรักษา และคนใดที่ต้องทิ้งให้ต่อสู้โรคร้ายตามลำพัง
“เราจำเป็นต้องปฏิเสธผู้ป่วยมะเร็งที่อาการเพียบหนัก เพราะการรักษาพวกเขามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป... นอกจากสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้าน ผู้ป่วยมะเร็งเหล่านี้ยังต้องทุกข์ทรมานอย่างหนักในต่างแดน สร้างความเจ็บปวดและเป็นภาระทางการเงินต่อครอบครัว” สปีเกล กล่าว
จากผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารเนื้องอกวิทยาแลนเซ็ต สปีเกล ระบุว่า มีผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนในจอร์แดนและซีเรียถูกปฏิเสธการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากงบประมาณของหน่วยบรรเทาทุกข์มีจำกัด พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหามาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ตกเป็นเหยื่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมเหล่านี้
งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งศึกษาผู้ลี้ภัยในจอร์แดนและซีเรียระหว่างปี 2009-2012 ดังนั้นจึงครอบคลุมทั้งพลเรือนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งปะทุขึ้นในปี 2011 และผู้ลี้ภัยจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เหตุรุนแรงในอิรักซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ นำกองกำลังเข้าโค่นล้มประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2003
มะเร็งเต้านมเป็นชนิดที่พบมากที่สุดในกลุ่มผู้ลี้ภัย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของคนไข้ในจอร์แดนที่ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการรักษาพิเศษแห่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ (UNHCR’s Exceptional Care Committee) ซึ่งทำหน้าที่ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงลิ่วหรือไม่
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง 1 คนอาจสูงถึง 21,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 684,000 บาท)
