xs
xsm
sm
md
lg

“3 ชาติพันธมิตรสหรัฐฯ” ในตะวันออกกลาง เป็นนายธนาคารให้ “กลุ่มติดอาวุธ ISIS”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – ในขณะที่กลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธในนามกลุ่มรัฐอิสลามในอิรัก และซีเรีย (ISIS หรือบางทีก็เรียกกันว่า รัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์ ใช้อักษรย่อว่า ISIL)ได้ลุกคืบกรุงแบกแดด อิรัก เดลิบีสต์ สื่อข่าวออนไลน์สหรัฐฯรายงานในวันเสาร์ (14) ว่า นายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ISIS ล้วนเป็นผู้บริจาคเศรษฐีจากคูเวต ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ ที่เป็นพันธมิตรสหรัฐฯในตะวันออกกลางร่วมสัญญาต่อต้านก่อการร้ายไปพร้อมกัน

กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ISIS) ได้รับการสนับสนุนทางการเงินและเติบโตเป็นเวลาหลายปีด้วยความช่วยเหลือของเหล่าผู้บริจาคที่เป็นคนชั้นนำร่ำรวยจาก 3 ชาติพันธมิตรตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ที่มีอิหร่าน ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย และสงครามศาสนาเป็นอุปสรรคในเป้าหมายของสหรัฐฯที่ต้องการให้มีเสถียรภาพและการจัดระเบียบในตะวันออกกลาง

เป็นสิ่งที่น่าฉงนมากโดยเฉพาะบรรดาผู้บริจาคจากคูเวตอยู่ในรายชื่อให้การสนับสนุน ISIS (แต่เพื่อความเป็นธรรมต้องยอมรับว่า ผู้บริจาคจากคูเวตได้ให้การสนับสนุนหลายกลุ่มที่ต่างกันไป) ซึ่ง ISIS ได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่มหลงเหลือที่ยังสนับสนุนรัฐบาลอิรักภายใต้การนำรัฐบาล ซัดดัม ฮุสเซน ที่ย้อนกลับไปในปี 1999 สหรัฐฯได้บุกยึดอิรักเพื่อช่วยคูเวตที่ถูกเข้าบุกยึดจากประธานาธิบดีฮุสเซนและเป็นที่น่าขันว่าคูเวตกำลังช่วยกลุ่มตัวแทนอดีตประธานาธิบดีฮุสเซนของอิรัก

ในการเข้ายึดแต่ละเมืองในอิรัก ISIS สามารถรวบรวมทั้งเงิน ตลอดจนสิ่งของต่างๆ ที่รวมถึงยุทธภัณฑ์ทางทหารที่ทำในสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่าทางกลุ่มได้ปล้นเงินสดร่วม 430 ล้านดอลลาร์ได้ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากธนาคารในโมซุล และมีรายงานต่อเนื่องเปิดเผยว่า ISIS มีแหล่งเงินทุนที่แน่นอน รวมไปถึงการขายน้ำมันดิบจากทางเหนือของซีเรียที่ทางกลุ่มควบคุมอยู่ ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีซีเรีย

แต่ในช่วงเริ่มแรก ISIS ได้รับเงินสนับสนุนหลักมาจากบรรดาผู้มีฐานะในคูเวต ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และบางครั้งการสนับสนุนมาจากการให้สัญญาณอย่างเป็นนัยของรัฐบาลประเทศเหล่านี้ ที่ได้อาศัยช่องมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่หละหลวมของประเทศเหล่านี้ อ้างจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และหัวหน้ากลุ่มกบฎซีเรียที่สู้ทั้งกับรัฐบาลอัสซาด และ ISIS พร้อมกัน

“ทุกคนรับรู้ว่า เงินจากคูเวตนั้นถูกรวบรวมมาจากประเทศในอ่าวเปอร์เซีย” แอนดรูว์ แทบเลอร์ (Andrew Tabler) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวอชิงตันด้านการศึกษาตะวันออกใกล้ ให้ความเห็น และเปิดเผยต่อว่า “ระบบการธนาคารของคูเวต และการแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นปัญหาใหญ่ที่นั่น เพราะเชื่อว่ามีท่อเงินต่อไปยังกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มต่างๆในซีเรีย และในเวลาต่อมาที่อิรัก”

โดยเหล่าผู้บริจาคคิดว่าเป็นหน้าที่ต้องปกป้องเหล่ามุสลิมสุหนี่ที่ตกอยู่ในใต้เงื้อมมือของอัสซาด และบางคนไม่มั่นใจ หรือไม่ชอบในวิธีการสนับสนุนของสหรัฐฯที่หนุนกลุ่มติดอาวุธสุหนี่สายกลางแต่ปฎิเสธที่จะติดอาวุธหนักให้

ภายใต้การกดดันของสหรัฐฯ ได้มีการทะลายแหล่งการเงินสนับสนุนของกลุ่มติดอาวุธมสลิมสุหนี่ แต่บรรดารัฐบาลอ่าวเปอร์เซียต่างได้รับแรงกดดันภายในประเทศ ให้ต่อสู้เพื่อในสิ่งที่มุสลิมสุหนี่จำนวนมากเห็นว่าสงครามศาสนาในภูมิภาคนั้นเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง

“ISIS เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ที่ต้องต่อสู้กับกองกำลังชีอะห์ในสงครามศาสนา โดยพวกเขาที่มีโดยมีอิหร่านเป็นแนวร่วมอยู่ในสงครามกับรัฐบาลอิรักและซีเรียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้” แบเลอร์เสริม และได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “สหรัฐฯพยายามกดดันประเทศอ่าวเปอร์เซียมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงคูเวต แต่เมื่อเดินจากมาเพื่อไปอยู่หลังฉากเพื่อจัดการทางอ้อม พวกประเทศเหล่านี้ไม่สนใจสหรัฐฯอีกต่อไป และทำแต่ในสิ่งที่ตนต้องการที่คิดว่าสำคัญกับตนเองเท่านั้น”

จากรายงานของสถาบันเดอะบรุกกิงส์ (The Brookings Institution) รู้จักในนามมันสมองของวอชิงตันที่ได้รับเงินสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาลกาตาร์ ถูกตีพิมพ์ในเดือนธันวาคม 2013ว่า กลุ่มผู้บริจาคในคูเวตได้ใช้ประโยชน์จากความย่อหย่อนของการกำกับการเงินและธนาคารในคูเวต เพื่อเป็นช่องทางส่งเงินร่วมหลายล้านดอลลาร์เป็นทุนให้กับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย

โดยพบว่าเหล่าผู้บริจาคในคูเวตได้รวบรวมเงินทุนมาจากประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง และพบว่าบ่อยครั้งที่เงินสนับสนุนเดินทางผ่านตุรกีหรือจอร์แดนก่อนที่จะเข้าสู่จุดหมายในซีเรีย ถึงแม้ว่ารัฐบาลคูเวต ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ได้ออกกฎหมายเพื่อป้องกันช่องทางส่งเงินผิดกฎหมาย แต่ทว่าผู้บริจาคหลายคนยังทำอย่างเปิดเผย และสถาบันเดอะบรุคลิงส์เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯต้องมีมาตรการอย่างเข้มข้นมากกว่านี้ถึงแม้จะทราบเรื่องนี้ก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น