xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯอาเบะกร้าว "เดินหน้าเต็มสูบ" ชี้ญี่ปุ่นต้อง "ล่าวาฬเพื่อการค้า" ได้อีกครั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี – ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้(9)ว่า เขาจะผลักดันเพื่อให้การล่าวาฬเชิงพาณิชย์กลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง แม้ว่าคำสั่งของศาลสูงแห่งสหประชาชาติจะระบุชัดว่าญี่ปุ่นจะต้องยุติการล่าวาฬในทะเลแอนตาร์กติกาก็ตาม

ความคิดเห็นของ อาเบะ ในครั้งนี้นำตัวเขาเข้าสู่วังวนความขัดแย้งกับกลุ่มต่อต้านการล่าวาฬอย่างเต็มตัว ขณะที่กลุ่มต่อต้านคาดหวังว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) จะเป็นจุดจบสำหรับการล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้

“เป้าหมายของผมคือการทำให้การล่าวาฬเชิงพาณิชย์กลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง โดยควบคุมการล่าวาฬเพื่อวิจัย เพื่อที่การได้มาซึ่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการบริหารแหล่งที่มาของวาฬ” อาเบะ บอกต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภา

“เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น ผมจะยกระดับความพยายามในการทำความเข้าใจกับประชาคมโลกให้มากขึ้น” เขากล่าว

อาเบะ ได้กล่าวถึงแง่มุมที่รับรู้ต่างกัน โดยนานาชาติมองว่าชุมชนในญี่ปุ่นหาผลประโยชน์จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวยักษ์นี้อย่างไร้ความปราณี ขณะที่ญี่ปุ่นเห็นว่าชาวบ้านที่ล่าวาฬนั้นเห็นคุณค่าของเนื้อวาฬ และแสดงความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ด้วยการจัดพิธีกรรมทางศาสนาเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลล่าของทุกปี

“เป็นเรื่องน่าเศร้าที่วัฒนธรรมนี้ของญี่ปุ่นยังไม่ได้รับการทำความเข้าใจ” อาเบะ กล่าว

ญี่ปุ่นทำการล่าวาฬโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายห้ามล่าวาฬเพื่อการค้าปี 1986 ซึ่งอนุญาตให้ล่าวาฬเพื่อการวิจัยได้ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความจริงที่ว่า ปลายทางของเนื้อวาฬเหล่านั้นล้วนมาอยู่ในภัตตาคารและแผงขายปลาในตลาด

การล่าวาฬประจำปีในมหาสมุทรใต้ได้ทำให้เห็นถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างนักล่าวาฬและกลุ่มต่อต้านที่มีการปะทะกันกลางทะเลเป็นครั้งคราว

ออสเตรเลียได้ดำเนินการฟ้องร้องญี่ปุ่นต่อศาลไอซีเจเพื่อหยุดยั้งวัฒนธรรมการล่าวาฬประจำปี ก่อนที่จะมีคำตัดสินของ ไอซีเจ ออกมาเมื่อปี 2010

ไอซีเจได้สั่งห้ามญี่ปุ่นล่าวาฬ โดยชี้ว่าการกิจกรรมดังกล่าวเป็นการล่าเพื่อการค้าที่ใช้การวิจัยมาบังหน้า

ญี่ปุ่นยอมยกเลิกฤดูการล่าในแอนตาร์กติกาในปี 2014-2015 และกล่าวว่าพวกเขาจะปรับปรุงกิจกรรมล่าวาฬเสียใหม่ โดยจะพยายามให้สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์มากกว่านี้

การปะทะกันระหว่างกลุ่มกรีนพีชต่อต้านการล่าวาฬ กับเรือล่าวาฬ
อย่างไรก็ตาม การล่าวาฬในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือยังคงดำเนินต่อไป โดยเป็นการล่าบริเวณน่านน้ำชายฝั่งซึ่งไม่ขัดต่อข้อห้ามการล่าวาฬ

นับตั้งแต่ศาลไอซีเจมีคำตัดสิน เว็บไซต์ ราคุเท็น (Rakuten) แหล่งบริการซื้อขายสินออนไลน์ของญี่ปุ่น ก็ได้ชี้แจงกับผู้ค้าปลีกว่า พวกเขาไม่สามารถขายเนื้อวาฬและเนื้อโลมาผ่านเว็บไซต์นี้ได้

“แต่การค้าเนื้อวาฬไม่ได้ขัดต่อกฎหมายในประเทศหรือระหว่างประเทศแต่ประการใด” โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีการเกษตร ป่าไม้และประมง กล่าว

ฮายาชิ บอกในทำนองเดียวกันนี้ต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า เว็บไซต์ ราคุเท็น ตัดสินใจในฐานะบริษัทเอกชน แต่กลับมีบริษัทอื่นๆ ที่หันมาปฏิเสธขายเนื้อวาฬเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสลดใจ

ฮายาชิ ยังได้เชิญชวนผู้คนให้มาทานเนื้อวาฬกันที่กระทรวงของเขา โดยเรียกโครงการรณรงค์นี้ว่า “สัปดาห์วาฬ” ซึ่งเริ่มต้นแล้วในวันนี้(9) และเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะทำให้ชาวแดนปลาดิบได้รู้ว่า การล่าวาฬและการกินเนื้อวาฬคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขา

ครั้งหนึ่งวาฬเคยเป็นแหล่งที่มาของเชื้อเพลิงและอาหารที่สำคัญ แต่การบริโภคเนื้อวาฬในญี่ปุ่นได้ลดลงอย่างมากในไม่กี่ทศวรรษมานี้ และไม่ได้เป็นอาหารที่คนส่วนมากบริโภคเป็นประจำมานานมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยอิทธิพลของกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ทำเงินอุดหนุนการล่าวาฬที่มาจากภาษีของประชาชนยังคงขับเคลื่อนกิจกรรมนี้ต่อไป

ทั้งนี้ โตเกียวยังคงรักษาบทบาทเดิมที่พยายามจะพิสูจน์ว่า จำนวนประชากรวาฬนั้นมีมากเพียงพอที่จะค้ำจุนการล่าเพื่อการค้าต่อไปได้


กำลังโหลดความคิดเห็น