เอเอฟพี/รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ (5) โดยมีทหารจากทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมหลายพันนาย หลังประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะให้การปกป้อง “อย่างแข็งแกร่ง” ต่อชาติพันธมิตรอาเซียนซึ่งกำลังพัวพันข้อพิพาททางทะเลกับจีน
อัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า ภารกิจซ้อมรบกับสหรัฐฯซึ่งจะกินเวลารวม 10 วัน คือสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ฟิลิปปินส์สามารถรับมือประเทศเพื่อนบ้าน “ก้าวร้าว” ที่มีเจตนาเปลี่ยนแปลง “สถานะในปัจจุบัน” ของทะเลจีนใต้
แม้ เดล โรซาริโอ ไม่ได้เอ่ยถึงจีนโดยตรง แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีถึงความพยายามของปักกิ่งที่จะอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้จีนต้องขัดแย้งกับเพื่อนบ้านหลายประเทศ
“ไม่กี่ปีมานี้ ความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีความพยายามอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลและดินแดนอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมาย” เดล โรซาริโอ กล่าวในพิธีเปิดการซ้อมรบ
“พฤติกรรมก้าวร้าวซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะในปัจจุบัน เป็นการทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้”
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ยังกล่าวเสริมว่า ปฏิบัติการซ้อมรบภายใต้รหัส “บาลิกาตัน” ซึ่งแปลว่า “เคียงบ่าเคียงไหล่” จะเน้นไปที่การยกระดับ “ศักยภาพด้านการป้องกันทางทะเล” ของฟิลิปปินส์ เพื่อรับมือปัญหาท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ร้องขอให้ศาลอนุญาโตตุลาการของสหประชาชาติในกรุงเฮกประกาศว่า การที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ถึง 70% นั้นผิดกฎหมาย และยังเป็นการคุกคามเสรีภาพด้านการเดินเรือ
ทะเลจีนใต้นอกจากจะเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ ยังถือเป็นเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่สำคัญของโลก
ปักกิ่งปฏิเสธไม่ยอมมีส่วนร่วมในการพิจารณาของศาลอนุญาโตตุลาการ พร้อมเรียกร้องให้มะนิลาแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจาแบบทวิภาคี
ปฏิบัติการซ้อมรบ “บาลิกาตัน” ซึ่งมีทหารอเมริกันเข้าร่วมราว 2,500 นาย และทหารฟิลิปปินส์อีก 3,000 นาย เปิดฉากขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากที่ประธานาธิบดี โอบามา เดินทางเยือนกรุงมะนิลา และรับปากว่าวอชิงตันพร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีตามสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันที่สองประเทศลงนามไว้ตั้งแต่ปี 1951
โอบามา และประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน ยังยกระดับการเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วยข้อตกลงกลาโหมฉบับใหม่ ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯส่งทหารเข้าไปประจำการตามฐานทัพต่างๆ ในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น ตามยุทธศาสตร์ปรับสมดุลสู่เอเชียของผู้นำสหรัฐฯ