เอพี/เอเจนซีส์ - คณะกรรมการที่รัฐบาลญี่ปุ่นแต่งตั้ง เล็งเรียกร้องโตเกียวอนุญาตให้กองทัพขยายปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรที่ถูกโจมตี ซึ่งถือเป็นการพลิกยุทธศาสตร์กลาโหมภายใต้รัฐธรรมนูญสันติภาพครั้งสำคัญ ทั้งนี้ โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามปัจจุบันจากอิทธิพลทางทหารของจีน ขณะที่อิทธิพลของอเมริกาในเอเชียกลับแผ่วลง
วันอังคารที่ผ่านมา (4 ก.พ.) คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 14 คน นำโดยชุนจิ ยานาอิ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการที่ญี่ปุ่นจะสามารถปรับปรุงศักยภาพของกองทัพ และเผยว่า จะเสนอร่างข้อเสนอแนะก่อนฉบับสุดท้ายในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ ส่วนรายงานฉบับสุดท้ายคาดว่า จะแล้วเสร็จภายหลังเดือนเมษายน
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ซึ่งเป็นนักการเมืองอนุรักษนิยมที่เน้นความเป็นชาตินิยมอย่างเข้มข้นนั้น ต้องการให้ญี่ปุ่นมีบทบาทมากขึ้นในปฏิบัติการรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ รวมทั้งยกระดับจุดยืนทางการทหาร โดยให้เหตุผลสำคัญว่า เป็นเพราะแนวโน้มการคุกคามทางทหารจากจีนและเกาหลีเหนือ
แถมในขณะที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ อิทธิพลของอเมริกาในเอเชียกลับแผ่วลง ญี่ปุ่นจึงต้องพยายามขยายพันธมิตรทางการทหารออกนอกขอบเขตความสัมพันธ์ “พื้นฐาน” กับสหรัฐฯ และได้ลงนามข้อตกลงกลาโหมกับหลายประเทศแล้ว ซึ่งรวมถึงอังกฤษและออสเตรเลีย
คณะกรรมการชุดนี้เสริมว่า การปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของกองทัพจะสามารถทำได้ หากรัฐบาลแก้ไขการตีความรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งแม้เป็นภารกิจที่ยากลำบากและต้องใช้เวลา แต่ตัวอาเบะเองก็ตั้งความหวังว่า จะสามารถทำได้ในท้ายที่สุด
รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นที่ร่างภายใต้การควบคุมของอเมริกาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุว่า พลเมืองญี่ปุ่น “ไม่ยอมรับว่าสงครามเป็นสิทธิอธิปไตยของประเทศไปตลอดกาล” และจะไม่คงไว้ซึ่ง “กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ตลอดจนถึงศักย์สงคราม” ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นในอดีตตีความว่า ญี่ปุ่นจะต้องไม่ครอบครองอาวุธเพื่อการโจมตี เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์พิสัยไกล
อาเบะและผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้คนอื่นๆ เชื่อว่า ควรยกเลิกข้อจำกัดสำหรับกองทัพ และนโยบายที่เน้นแต่การป้องกันตัวเองเท่านั้นของญี่ปุ่น ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมความมั่นคงภายในภูมิภาคในปัจจุบันที่มีความท้าทายมากขึ้น
คนเหล่านี้กล่าวว่า เรือรบอเมริกันอาจถูกโจมตีในญี่ปุ่นหรือใกล้ญี่ปุ่น หรืออาจเกิดสถานการณ์ที่กองกำลังญี่ปุ่นต้องต่อสู้เพื่อช่วยเหลือพันธมิตรระหว่างภารกิจรักษาสันติภาพในต่างแดน หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นเองถูกโจมตี
ในการประชุมเมื่อเช้าวันอังคาร อาเบะกล่าวว่า การเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องครอบคลุมพื้นฐานทั้งหมดเพื่อปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
ที่ผ่านมาญี่ปุ่นผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการทหารมาแล้วหลายครั้ง และพยายามเพิ่มบทบาทในเวทีโลก รวมทั้งตอบสนองความคาดหวังจากอเมริกาและประเทศอื่นๆ แต่ภารกิจในการรักษาสันติภาพของโตเกียวถูกจำกัดเพียงบทบาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ ซึ่งก็เป็นไปตามเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน จึงจะทำให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถมีบทบาทเพิ่มขึ้น
รายงานฉบับร่างยังถูกคาดหวังให้เรียกร้องญี่ปุ่น ผ่อนคลายข้อจำกัดเกี่ยวกับการส่งออกอาวุธ, มีส่วนร่วมมากขึ้นในปฏิบัติการความมั่นคงที่นำโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น), และจัดเตรียมกรอบโครงทางกฎหมายเพื่อต่อต้านการบุกรุกหมู่เกาะที่อยู่ห่างไกล ซึ่งรวมถึงดินแดนในทะเลจีนตะวันออกที่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกัน, รวมทั้งยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารกับพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา