เอเอฟพี – หนังสือพิมพ์ไชนาเดลีของจีนเสนอรายงานโจมตีผู้นำสหรัฐฯในวันนี้ (29) หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา มีถ้อยแถลงว่าสหรัฐฯไม่คิดจะสร้างอิทธิพลแข่งกับจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ไชนาเดลีซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลปักกิ่ง ชี้ว่า การเดินทางเยือน 4 ประเทศเอเชียในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาของประธานาธิบดี โอบามา เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่า สหรัฐฯมองจีนเป็น “ศัตรู”
เรื่องที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะน้อยใหญ่และเกาะปะการังทั้งในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก เป็นประเด็นสำคัญที่ โอบามา หยิบยกมาพูดถึงตลอดการเยือน 4 ชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนจากการเยือนเอเชียครั้งนี้ ได้แก่ ถ้อยแถลงร่วมระหว่างวอชิงตันกับโตเกียว และข้อตกลงกลาโหมฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ ซึ่งไชนาเดลีชี้ว่า “แม้ โอบามา จะพยายามเลือกใช้คำพูดที่ไม่ทำให้จีนขุ่นข้องหมองใจ แต่การมาเยือนเอเชียของ โอบามา ก็มีสาเหตุจากความไม่สบายใจของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรที่เห็นจีนมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ”
ในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน แห่งฟิลิปปินส์ที่กรุงมะนิลาเมื่อวันจันทร์ (28) โอบามา ชี้ว่า แม้วอชิงตันจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดในเรื่องข้อพิพาทดินแดน แต่ปัญหานี้ควรที่จะแก้ไขด้วยสันติวิธี ไม่ใช่ด้วย “การข่มขู่หรือบีบบังคับ”
โอบามา กล่าวเสริมว่า สหรัฐฯและจีน “มีความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์” และวอชิงตันไม่ปรารถนาที่จะตีกรอบหรือเผชิญหน้ากับปักกิ่ง
อย่างไรก็ตาม ไชนาเดลี ชี้ว่า คำพูดของผู้นำสหรัฐฯ “ไร้ความหมาย” พร้อมเตือนว่า “คำมั่นสัญญาสวยหรูของ โอบามา ที่พูดถึงความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ของ 2 ชาติมหาอำนาจ ไม่ควรทำให้ทุกฝ่ายลืมความขัดแย้งทางการเมืองในโลกของความจริง”
“เมื่อผนึกกำลังกับชาติพันธมิตรที่ช่างก่อปัญหาทั้งหลายแล้ว สหรัฐฯ ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของจีน” สื่อฉบับนี้ระบุ
ทั้งนี้ ก่อนที่ โอบามา จะเดินทางถึงฟิลิปปินส์เมื่อวันจันทร์ (28) วอชิงตันและมะนิลาได้ลงนามสนธิสัญญากลาโหมฉบับใหม่ซึ่งจะเปิดทางให้ทหารอเมริกันเข้าไปประจำการในแดนตาล็อกได้มากขึ้น
ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น สหรัฐฯและญี่ปุ่นประกาศถ้อยแถลงร่วมที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หมู่เกาะเซ็งกากุ หรือเตี้ยวอี๋ว์ ซึ่งเป็นดินแดนพิพาทระหว่างโตเกียวกับปักกิ่ง อยู่ในข่ายได้รับความคุ้มกันตามสนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และวอชิงตันจำเป็นต้องยื่นมือป้องกันหมู่เกาะแห่งนี้ในกรณีที่ถูกโจมตี
จีนแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีรุกคืบของสหรัฐฯทั้งในญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ โดย ไชนาเดลี ชี้ว่า “ภัยคุกคามร้ายแรงที่สุด” ไม่ใช่ข้อพิพาทหมู่เกาะระหว่างจีนกับ 2 ประเทศ แต่เป็น “ภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของจีน” ซึ่งอเมริกาและพันธมิตรพยายามจะสร้างขึ้นมาต่างหาก