เอเอฟพี - ในยุคที่การสื่อสารผ่านสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียกลายเป็นเรื่องธรรมดา หลายคนที่ได้ติดตามข่าวการสูญหายของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 อาจกำลังตั้งคำถามอยู่ในใจว่า เหตุใดผู้โดยสารบนเครื่องบินจึงไม่มีใครกดโทรศัพท์มือถือ หรือใช้เครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ติดต่อกับญาติพี่น้อง เหมือนอย่างที่ผู้โดยสารบนเครื่องบินสหรัฐฯ ซึ่งถูกจี้ไปพุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อปี 2001 พยายามทำก่อนจะถึงวาระสุดท้ายของพวกเขา?
การที่โลกภายนอกไม่ได้รับสัญญาณสื่อสารใดๆ จากผู้โดยสารบนโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ทำให้พนักงานสอบสวนตั้งข้อสันนิษฐานว่าเครื่องบินอาจบินในระดับสูงเกินไป หรือบินอยู่เหนือมหาสมุทร หรือไม่ผู้โดยสารทั้งลำอาจ “หมดสติ” เพราะความดันอากาศในตัวเครื่องบินเปลี่ยนแปลง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินชี้ว่า หากเครื่องบินลดระดับลงมาใกล้เครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ภาคพื้นดินมากเท่าไหร่ โอกาสที่ผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนบนเครื่องจะสามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารได้ ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
หลายคนยังตั้งคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้โดยสารจะใช้โทรศัพท์มือถือในขณะที่เครื่องบินอยู่ในระดับความสูงคงที่ (cruising altitude)
หลักของการใช้โทรศัพท์มือถือมีอยู่ว่า จะต้องมีสัญญาณโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์กับเครือข่าย หรือที่เรียกว่า “handshake” และสัญญาณระหว่างเสารับ-ส่ง (transmission tower) กับเครื่องโทรศัพท์จะต้องแรงพอด้วย
“ในทางทฤษฎีแล้ว ความสูง 23,000 ฟุตและ 45,000 ฟุตยังอยู่ในระยะที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือภาคพื้นดินสามารถทำงานได้” โกะห์ จี กูน ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมในสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์ โดยอ้างถึงรายงานที่ว่า MH370 อาจบินในระดับความสูงที่เปลี่ยนไปหลังสัญญาณเรดาร์ถูกตัดขาด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วๆ ไปมีจำกัด และยังต้องเผชิญอุปสรรคจากลำตัวเครื่องบิน ดังนั้นการจะเชื่อมต่อด้วยสัญญาณที่แรงพอ “จึงต้องอาศัยโชคพอสมควร” โกะห์กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 เครื่องบินโดยสารที่ถูกจี้บินอยู่ในระดับต่ำ ผู้โดยสารบนเครื่องจึงสามารถเชื่อมสัญญาณโทรศัพท์ติดต่อกับญาติได้ แต่ก็เป็นการโทรจากเครื่องโทรศัพท์ที่ติดอยู่หลังเบาะนั่ง (seatback phone) ไม่ใช่โทรศัพท์เคลื่อนที่
เมื่อไม่นานนี้ บางสายการบินได้นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้โดยอาศัย cellular base station ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนเครื่อง แต่มาเลเซียแอร์ไลน์สระบุว่า เที่ยวบิน MH370 ยังไม่มีบริการนี้
เอ. เค. ดิวด์นีย์ ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ชี้ว่าหากปราศจากอุปกรณ์ดังกล่าว ผู้โดยสารบนเครื่องบินพาณิชย์จะไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ หลังจากที่เครื่องอยู่สูงจากพื้นดินเกินกว่า 0.5 กิโลเมตรขึ้นไป
“โทรศัพท์มือถือยังไม่สามารถใช้ได้หากเครื่องบินอยู่เหนือมหาสมุทร แม้จะบินในระดับต่ำก็ตาม” ดิวด์นีย์ ซึ่งได้ศึกษาทดลองเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 ระบุ
“หากเครื่องบินอยู่ในระดับ cruising altitude โทรศัพท์มือถือทุกชนิดจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับภาคพื้นดินได้ เพราะสัญญาณส่งไปไม่ถึง”
อะหมัด เจาฮารี ยะห์ยา ประธานบริหารสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส แถลงเมื่อวันจันทร์ (17) ว่า ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้โดยสารบนเครื่อง MH370 พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับญาติ แต่เจ้าหน้าที่มี “บันทึกนับล้านๆ” ที่จะต้องตรวจสอบ
“มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวน” เขากล่าว โดยไม่อธิบายว่า “บันทึก” ที่ว่านั้นเป็นข้อมูลประเภทใด
ประเด็นนี้ดูจะน่าสงสัยยิ่งขึ้น เมื่อสื่อของจีนรายงานว่า ญาติผู้โดยสารบางคนได้ยินสัญญาณโทรศัพท์ขณะที่พยายามโทร.ติดต่อคนบนเครื่อง MH370 แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สัญญาณดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้เสมอไปว่าโทรศัพท์ยังใช้งานได้อยู่
แม้ผู้โดยสารจะไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อญาติแม้แต่คนเดียว ทว่าข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณโต้ตอบ หรือ handshake ก็อาจให้ร่องรอยเกี่ยวกับเส้นทางของ MH370 หลังจากที่มันสูญหายไปจากจอเรดาร์ เพราะต่อให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ปิดโทรศัพท์มือถือตามระเบียบของสายการบิน แต่ก็น่าจะมีคนที่ “ลืม” บ้าง
อย่างไรก็ดี การแกะรอย handshake ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวม identity number ของโทรศัพท์ที่ผู้โดยสารใช้ ตลอดจนข้อมูลสัญญาณจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ในแต่ละประเทศที่อาจเป็นทางผ่านของเครื่องบิน และหนึ่งในนั้นก็คือ เมียนมาร์ ซึ่งยังมีเครือข่ายที่จำกัดมาก
หลังจาก MH370 ถูกเปลี่ยนเส้นทางจากทะเลจีนใต้และหันหัววกกลับมาทางคาบสมุทรมลายู เครื่องบินน่าจะต้องผ่านเขตที่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่โอกาสที่จะแกะรอย handshake ก็ขึ้นอยู่กับว่า เครื่องบินบินต่ำและอยู่ใกล้กับเสาสัญญาณภาคพื้นดินมากพอหรือไม่
“ตำรวจกำลังแกะรอยสัญญาณโทรศัพท์ของผู้โดยสารบนเครื่องบิน นับตั้งแต่มีการส่งสัญญาณโต้ตอบครั้งสุดท้าย” เคน ดูลานีย์ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยเทคโนโลยีการ์ตเนอร์ (Gartner) ในสหรัฐฯ ระบุ
“แต่ถ้าหากว่าสัญญาณภาคพื้นดินส่งไปไม่ถึง ก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”