xs
xsm
sm
md
lg

ทีมสอบสวนนำโบอิ้ง 777 ขึ้นบินตามรอย MH370 เชื่อหันหัวไปทาง “ตะวันตก” แน่นอน

เผยแพร่:

เอเอฟพี – พนักงานสอบสวนซึ่งทำหน้าที่ติดตามเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียแอร์ไลน์สได้นำเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีกลำหนึ่งขึ้นบินไปตามเส้นทางที่คาดว่าเที่ยวบิน MH370 จะมุ่งหน้าไป ซึ่งผลที่ออกมาก็ช่วยยืนยันสมมติฐานที่ว่า เครื่องบินน่าจะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปทางทิศตะวันตก นายทหารระดับสูงของกองทัพมาเลเซียแถลงวันนี้(16)

ถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ทราบถึงความพยายามของทีมสอบสวนนานาชาติ ซึ่งได้เข้าช่วยเหลือรัฐบาลมาเลเซียในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปอย่างเป็นปริศนาพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในทีมสอบสวนให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า การนำเครื่องบินอีกลำหนึ่งออกตามรอย MH370 ในช่วง 2-3 วันมานี้ มีจุดประสงค์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อมูลเรดาร์และดาวเทียมที่เกิดจากเครื่องบินลำนี้จะตรงกับข้อมูลจากเครื่อง MH370 หรือไม่

“เราต้องการทราบเส้นทางซึ่งเครื่องบินที่สูญหายอาจจะมุ่งหน้าไป” เจ้าหน้าที่ซึ่งขอสงวนนาม ระบุ พร้อมเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับตรงกันกับสัญญาณเรดาร์และดาวเทียมก่อนหน้านี้ที่บ่งบอกว่าเที่ยวบิน MH370 ที่กำลังบินผ่านทะเลจีนใต้ได้หันหัวกลับ และบินข้ามมาเลเซียไปทางทิศตะวันตก ก่อนจะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสู่ทะเลอันดามัน

เครื่องบินลำนี้ได้ใช้เส้นทางเดียวกับ MH370 รวมถึงการบินซิกแซก ซึ่งคาดว่าเป็นความพยายามของผู้บังคับเครื่องบิน MH370 ที่จะหลบหลีกเรดาร์พลเรือน

“เราได้นำเครื่องบินไปในเส้นทางของ MH370 ตามที่เรดาร์ทหารตรวจจับได้ มันได้วกกลับและบินข้ามคาบสมุทรมาเลเซีย ก่อนจะมุ่งไปทางเหนือ... ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถสรุปเส้นทางที่เป็นไปได้ 2 เส้น และจะส่งทีมค้นหาเข้าไปยัง 2 พื้นที่นี้” เจ้าหน้าที่ระบุ

ในช่วงแรกๆ ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินได้เน้นหนักบริเวณน่านน้ำระหว่างมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย แถลงยอมรับเป็นครั้งแรกวานนี้(15)ว่า ข้อมูลที่พบบ่งชี้ว่า มีใครบางคนบนเครื่อง “จงใจ” ปิดอุปกรณ์สื่อสารของ MH370 และเครื่องบินได้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปจากเดิมที่จะต้องมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งของจีน

นาจิบ ระบุว่า ปฏิบัติการค้นหาหลังจากนี้จะเน้นไปใน 2 เส้นทาง เส้นทางแรกคือจากฝั่งตะวันตกของมาเลเซียมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจนถึงคาซักสถาน และเส้นทางที่สองคือมุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้

คำแถลงนายกรัฐมนตรีมาเลเซียตัดความเป็นไปได้ของทฤษฎีก่อนๆ ที่ว่าเครื่องบินอาจประสบปัญหาเครื่องยนต์หรือระเบิดกลางอากาศ แต่กลับทำให้ข้อสันนิษฐานเรื่องการจี้เครื่องบิน, การก่อการร้าย หรือการจงใจเปลี่ยนเส้นทางโดยพนักงานบนเครื่อง ดูจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือขึ้นมา

เมื่อผู้สื่อข่าวเอเอฟพีตั้งคำถามว่า การขยายขอบเขตค้นหาจะทำให้ปฏิบัติการตามรอยเครื่องบิน MH370 ยากลำบากขึ้นหรือไม่ เจ้าหน้าที่ผู้นี้ก็เปรียบเทียบว่า เป็นเรื่องท้าทาย “ไม่ต่างจากการส่งยานไปดวงจันทร์”

รัฐบาลอินเดียได้ประกาศระงับการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สในทะเลอันดามัน, หมู่เกาะนิโคบาร์ และอ่าวเบงกอล เอาไว้ชั่วคราวในวันนี้(16) และกำลังรอคำร้องขอใหม่ๆจากรัฐบาลมาเลเซีย

นักวิเคราะห์บางคนให้น้ำหนักกับเส้นทางมุ่งลงใต้ โดยชี้ว่าหากเครื่องบินเดินทางขึ้นเหนือก็จะต้องผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ รวมถึงพื้นที่ละเอียดอ่อนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการยากที่จะหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์

เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินอินเดียไม่เชื่อว่า MH370 จะมุ่งขึ้นเหนือไปทางคาซักสถาน เพราะ “เป็นไปไม่ได้” ที่มันจะผ่านน่านฟ้าของอินเดียไปโดยไม่ถูกตรวจจับ

สุกาตา ปรามานิก เลขาธิการสมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศอินเดีย ชี้ว่า ต่อให้โบอิ้ง 777 ของมาเลเซียเล็ดรอดจากเรดาร์พลเรือนในเมืองกัลกัตตาไปได้ แต่ก็ยังมีเรดาร์ของกองทัพอากาศซึ่งจะต้องตรวจเจออย่างแน่นอน

“หากเครื่องบินโดยสารไม่ต้องการถูกตรวจพบ ก็สามารถปิด transponder ซึ่งจะทำให้เรดาร์พลเรือนไม่สามารถตรวจจับได้... แต่มันจะไม่สามารถหลบหลีกเรดาร์ฝ่ายกลาโหม กองทัพอากาศอินเดียมีเรดาร์ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเรดาร์จุดไหนตรวจเจอเครื่องบินที่ผ่านเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”
กำลังโหลดความคิดเห็น