เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกองทัพมาเลเซียแถลงวันนี้ (15 มี.ค.) ว่า ข้อมูลเรดาร์ทหารชี้ว่า นักบินที่มี “ความชำนาญด้านการบินระดับสูง” เป็นผู้ควบคุมเครื่องบินของสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ที่อันตรธานหายไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ให้เปลี่ยนเส้นทางและบินต่อไปอีกหลายชั่วโมง ภายหลังสัญญาณเรดาร์ขาดหาย
ในการให้สัมภาษณ์เอเอฟพีโดยไม่เปิดเผยนาม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งอ้างถึงข้อมูลเรดาร์ทหารมาเลเซีย ที่พนักงานสืบสวนเชื่อว่า ชี้ว่าโบอิ้ง 777-200 ER อาจเปลี่ยนเส้นทาง โดยมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแทน
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ควบคุมเครื่องบิน “จะต้องมีความชำนาญด้านการบินระดับเยี่ยมยอด และยังมีโอกาสทำการบินในปัจจุบัน”
“เขารู้วิธีหลบหลีกเรดาร์พลเรือน เขาเรียนรู้ว่าจะหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกตรวจจับการเคลื่อนที่อย่างไร”
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิมแล้ว เที่ยวบินนี้ซึ่งเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง จะต้องมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ทางทะเลจีนใต้ และเวียดนาม
ข้อมูลใหม่ซึ่งเชื่อมโยงกับพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนชี้ให้เห็นว่า การสอบสวนกรณีเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายสาบสูญไป กำลังมุ่งตรวจสอบความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในห้องนักบินมากขึ้น
บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า ความผิดปกติดังกล่าว มีดังเช่น การสูญเสียแรงดันในห้องนักบินอย่างกะทันหัน หรือความผิดปกติที่เกิดจากสาเหตุเชิงกลอื่นๆ, นักบินกระทำผิดพลาดร้ายแรง หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ เช่น เครื่องบินถูกสลัดอากาศ หรือคนร้ายที่แฝงตัวเป็นลูกเรือจี้ หรือนักบินฆ่าตัวตาย
สกอตต์ แฮมิลตัน กรรมการผู้จัดการของบริษัท ลีแฮม ซึ่งเป็นองค์กรให้คำปรึกษาด้านการบินที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ว่ากล่าวว่า เบาะแสที่มีทั้งหมดในตอนนี้ชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “การกระทำที่มีการควบคุม และไตรตรองไว้ก่อน ไม่ใช่ปัญหาเชิงกล”
รายงานซึ่งระบุว่า เครื่องบินลำนี้เปลี่ยนเส้นทางไปทางทิศตะวันตกอย่างไม่มีสาเหตุได้ปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่ มีการระดมกำลังออกค้นหาเที่ยวบิน MH370 ในมหาสมุทรอินเดีย
ในวันนี้ (15) สหรัฐฯ ได้ส่งเรือพิฆาต และเครื่องบินตรวจการณ์เข้าร่วมภารกิจค้นหา ที่ขยายขอบเขตออกไปยังอ่าวเบงกอล หลังจากที่ในวันแรกๆ นานาชาติได้มุ่งค้นหาเครื่องบินลำนี้ในทะเลจีนใต้เป็นหลัก
ทางด้าน พันเอก สตีเฟน วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ได้ส่งเครื่องบินพิฆาต “ยูเอส คิดด์” ซึ่งติดขีปนาวุธนำทาง และเครื่องบิน พี-8 โพไซดอน ออกค้นหาในพื้นที่ทางตะวันตก ตามคำขอของทางการมาเลเซีย
ขณะที่ เรือพิฆาต ยูเอส คิดด์ จะออกค้นหาในทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอล พี-8 จะปฏิบัติการใน “พื้นที่ซึ่งกินขอบเขตกว้างกว่า คือทางตอนใต้ของอ่าวเบงกอล และทางเหนือของมหาสมุทรอินเดีย” วอร์เรนเผย
เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิตลำนี้ได้หายสาบสูญไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ขณะบินอยู่ในเส้นทางระหว่างมาเลเซียกับเวียดนามในช่วงกลางดึก ทว่าไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ภารกิจค้นหาอากาศยานมาเลย์ลำนี้ เปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรกในทะเลจีนใต้ แต่แล้วก็ต้องขยายขอบเขตการค้นหาออกไปเรื่อยๆ ภายหลังควานหาเบาะแสที่ชี้ชะตากรรมของเครื่องบินลำนี้ไม่พบแม้แต่ชิ้นเดียว และหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเครื่องบินได้เปลี่ยนเส้นทางการบิน