เวียดนามมุ่งค้นหาร่องรอย “เครื่องบินมาเลย์” ใกล้เกาะนอกชายฝั่ง พร้อมอนุญาตเรือจีน-สหรัฐฯ เข้าน่านน้ำประเทศ

เอเอฟพี/ซินหวา - เรือ และเครื่องบินที่ออกปฏิบัติภารกิจค้นหาร่องรอยของเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่เกิดสูญหายขณะบรรทุกผู้โดยสาร และลูกเรือรวม 239 คน ได้มุ่งหน้าไปยังเกาะห่างไกลของเวียดนาม หลังพบซากชิ้นส่วนน่าสงสัยลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว

วัตถุ 2 ชิ้น ที่มองเห็นได้จากทางอากาศ ในช่วงกลางคืนของวันอาทิตย์ (9) ห่างจากเกาะโถจูไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งทางการเวียดนามระบุว่า อาจเป็นเศษซากจากเครื่องบินลำที่สูญหายดังกล่าว

การค้นพบครั้งนี้ช่วยให้ทีมค้นหาทางน้ำ และทางอากาศของเวียดนามปรับเปลี่ยนตำแหน่งการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ไปยังพื้นที่ใกล้กับเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเวียดนาม

“เราระดมอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดทั้งหมดเข้าค้นหาตลอดทั้งคืน แต่ไม่พบวัตถุใดๆ และเรือ 2 ลำ ได้ออกลาดตระเวนตั้งแต่เช้าทั่วพื้นที่ทะเลรอบเกาะโถจู ที่เราพบวัตถุ 2 ชิ้น” พล.ร.ท.โง วัน ฟ้าต กล่าว

เครื่องบิน 3 ลำ จะบินตระเวนทั่วพื้นที่เพื่อมองหาวัตถุที่น่าจะเป็นซากเครื่องบิน ขณะที่ศูนย์บัญชาการปฏิบัติการค้นหาได้ตั้งขึ้นบนเกาะฝู๊ก๊วก ที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ของเวียดนาม ส่วนคราบน้ำมันขนาดใหญ่ 2 คราบ ที่สงสัยว่าอาจเกิดจากน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องบิน ซึ่งถูกพบตั้งแต่วันเสาร์ ก็อยู่ในบริเวณนอกเกาะโถจูเช่นกัน

ขณะที่รายงานของสำนักข่าวซินหวาระบุว่า กระทรวงกลาโหมเวียดนามได้อนุญาตให้เรือของจีน 3 ลำ และสหรัฐฯ 1 ลำ เข้ามาในน่านน้ำของประเทศเพื่อค้นหาเครื่องบินมาเลเซียที่สูญหาย ตามการเปิดเผยของคณะกรรมการการค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติเวียดนามในวันนี้ (10)

ฝ่ายทางการมาเลเซียระบุว่า ยังคงค้นหาเครื่องบินในพื้นที่ทะเลอย่างละเอียดในชายฝั่งของตัวเองเรื่อย ไปจนถึงทางใต้ของเกาะโถจู

“เรายังคงเน้นสำรวจในพื้นที่ของเรา” หัวหน้าหน่วยงานรักษากฏหมายทางทะเลมาเลเซีย กล่าว

เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันเสาร์ (8) มุ่งหน้าไปยังปลายทางกรุงปักกิ่ง เกิดสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะบินอยู่เหนือน่านน้ำระหว่างมาเลเซีย และเวียดนาม หลังเครื่องเทกออฟได้เพียงไม่นาน สร้างความงงงันให้แก่เจ้าหน้าที่จากหลายชาติที่เข้าร่วมดำเนินการค้นหาครั้งใหญ่นี้ และบรรดาญาติของผู้ที่โดยสารอยู่บนเครื่องลำดังกล่าวยังคงไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับชะตากรรมของผู้เป็นที่รัก.