เอเอฟพี - ทางการมาเลเซียขยายพื้นที่การค้นหาออกไปอีกเท่าตัวเมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.) ท่ามกลางความหงุดหงิดผิดหวังที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สืบเนื่องจากความล้มเหลวไม่พบร่องรอยใดๆ ของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน และสูญหายไปตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ (8) ขณะเดียวกัน ปักกิ่งก็กล่าวหากัวลาลัมเปอร์ว่าไม่ได้ให้ข่าวสารข้อมูลเท่าที่ควร
เขตพื้นที่ค้นหาในตอนเริ่มแรกนั้น อยู่ในรัศมีประมาณ 50 ไมล์ทะเล (92 กิโลเมตร) รอบๆ จุดซึ่งเครื่องบินโดยสารในเที่ยวบิน MH370 ลำนี้หายลับไปจากจอเรดาร์เหนือทะเลจีนใต้ ในชั่วโมงแรกๆ ของเช้าวันเสาร์ ขณะอยู่บนเส้นทางจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง
ทางการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของมาเลเซียประกาศว่า กำลังขยายรัศมีของพื้นที่การค้นหาดังกล่าวให้เป็น 100 ไมล์ทะเล โดยที่ อาซารุดดิน อับดุล เราะห์มาน อธิบดีกรมการบินพลเรือนมาเลเซีย แถลงเรื่องนี้ต่อผู้สื่อข่าวในตอนดึกวันจันทร์
นอกจากนั้นเขายืนยันว่า การขยายพื้นที่ค้นหาเช่นนี้ ทำให้ครอบคลุมถึงทั้งภาคพื้นดินบนคาบสมุทรมาเลเซีย, น่านน้ำนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของแดนเสือเหลือง และบริเวณทะเลทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย
การที่เพิ่มขนาดพื้นที่อย่างใหญ่โตมหึมาเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นความมึนงงสับสนของพวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ต่อการหายสูญไปของเครื่องบินลำนี้ โดยที่เรือชนิดต่างๆ 40 ลำและเครื่องบินอีกว่า 30 ลำของหลายๆ ประเทศซึ่งระดมออกมาช่วยกันค้นหา ยังคงไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนใดๆ
ความโกรธเกรี้ยวในแดนมังกร
ในแดนมังกร บรรดาญาติมิตรของผู้โดยสารชาวจีน 153 คนซึ่งอยู่บนเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำดังกล่าว ต่างแสดงความหงุดหงิดผิดหวังต่อทุกๆ ฝ่ายที่ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ปักกิ่งก็ประณามกล่าวโทษกัวลาลัมเปอร์ว่าไม่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างที่ควรจะกระทำ
รัฐบาลจีน “เร่งเร้าให้ฝ่ายมาเลเซียยกระดับความพยายามของพวกเขาในการเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน และให้ข่าวสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่จีนภายในช่วงระยะเวลาอันเหมาะสม” ฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรแถลง “พวกเขายังควรที่จะบริหารจัดการอย่างเหมาะควรในเรื่องเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวของผู้โดยสาร และประเด็นปัญหาต่อเนื่องอย่างอื่นๆ”
ขณะที่ โกลบัลไทมส์ หนังสือพิมพ์ซึ่งใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตีพิมพ์บทบรรณาธิการที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์อันระคายหูว่า “ทางฝ่ายมาเลเซียไม่สามารถที่จะลดทอนความผิดชอบของพวกเขาได้” และ “การตอบสนองในระยะแรกๆ จากมาเลเซียนั้น ไม่มีความรวดเร็วเพียงพอเลย”
ตลอดทั้งวันจันทร์ที่มีข่าวสารซึ่งขัดแย้งกันและลงเอยด้วยการไม่มีอะไรยืนยันชัดเจน ยิ่งเพิ่มความปวดร้าวให้แก่พวกญาติมิตร ตั้งแต่ที่ว่าผลการทดสอบรอยคราบน้ำมันซึ่งพบในทะเลจีนใต้นั้น แสดงให้เห็นมันมันไม่ได้มาจากโบอิ้ง 777 ลำนั้น ส่วนรายงานข่าวซึ่งระบุว่าพบเห็นซากชิ้นส่วนที่อาจจะมาจากเที่ยวบินดังกล่าวที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง พอติดตามสาวลงไปก็ล้วนแต่ยังไม่ใช่ของจริงทั้งนั้น
รายงานของสำนักงานการบินพลเรือนฮ่องกงที่ระบุว่า นักบินของเครื่องบินโดยสารในเที่ยวบินซึ่งเดินทางจากฮ่องกงไปยังกัวลาลัมเปอร์ รายงานว่าพบเห็น “เศษซากขนาดใหญ่” ขณะกำลังบินเหนือน่านน้ำของเวียดนาม คือข่าวคราวประเภทนี้ชิ้นล่าสุดซึ่งกำลังรอการตรวจสอบพิสูจน์กันต่อไป
สืบสวนเงื่อนงำ “ก่อการร้าย”?
มาเลเซียนั้นเริ่มเปิดการสืบสวนสอบสวนคดีก่อการร้ายแล้ว ภายหลังพบว่ามีผู้โดยสารบนเครื่องบินลำที่หายไปอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งใช้หนังสือเดินทางที่ถูกขโมยมา
ในรายชื่อผู้โดยสารนั้น ปรากฏชื่อของชาวยุโรป 2 ชื่อ คือ คริสเตียน โคเซล ที่เป็นชาวออสเตรีย และ ลุยจิ มารัลดี ซึ่งเป็นชาวอิตาลี ทว่าชายทั้ง 2 คนต่างไม่ได้อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว โดยที่หนังสือเดินทางของพวกเขาได้ถูกขโมยไปในประเทศไทยในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าผู้โดยสาร 2 คนซึ่งกำลังแอบใช้เอกสารของพวกเขานั้น สามารถขึ้นเครื่องได้อย่างไรโดยไม่ถูกตรวจพบ
สหรัฐฯ ได้จัดส่งทีมเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) มาช่วยดำเนินการสืบสวนเรื่องนี้แล้ว ทว่า พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันยังคงเน้นว่ายังไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่านี่เป็นเรื่องการก่อการร้าย
ผู้บัญชาการสำนักงานตรำวจแห่งชาติของมาเลเซียแถลงในวันจันทร์ว่า สามารถระบุได้แล้วว่า 1 ใน 2 ผู้โดยสารที่กำลังเดินทางด้วยพาสปอร์ตขโมยมานั้นเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้
ขณะที่ อาซารุดดิน อธิบดีกรมการบินพลเรือนบอกว่า ชายทั้ง 2 คนนี้ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาแบบคนเอเชียเลย ขัดแย้งกับรายงานที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอ้างรัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียระบุว่า ทั้งคู่มีหน้าตาแบบคนเอเชีย อย่างไรก็ตาม อาซารุดดินก็แทบไม่ได้ตอบคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเครื่องบินที่ยังหายสูญไปนี้เอาเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องบินถูกจี้หรือระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศ เขาก็ตอบเพียงว่ายังไม่มีการตัดประเด็นใดๆ ออกไปทั้งสิ้น
“เรากำลังพิจารณาทุกๆ แง่มุมของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้” เขาบอก “เรื่องนี้เป็นปริศนาเครื่องบินหายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย มันยังคงเป็นปริศนาลึกลับ และเรากำลังเพิ่มความพยายามในการทำสิ่งที่เราต้องทำ”