รอยเตอร์ - สภาที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชนฝากคำเตือนถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน วานนี้ (2 มี.ค.) ว่ารัสเซียยังไม่ควรส่งทหารบุกคาบสมุทรไครเมีย เนื่องจากพลเมืองรัสเซียที่นั่นยังไม่เผชิญความเสี่ยงร้ายแรงถึงขั้นที่รัฐบาลต้องส่งทหารเข้ารุกรานดินแดนของยูเครน
ถ้อยแถลงจากคณะที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชน 27 คน สะท้อนให้เห็นความกังวลในหมู่ชาวรัสเซียหัวเสรีที่หวั่นเกรงผลกระทบจากความก้าวร้าวที่มอสโกกำลังแสดงต่อเพื่อนบ้าน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1) รัฐสภารัสเซียได้ลงมติรับรองคำสั่งของประธานาธิบดีปูติน ที่ให้ส่งทหารเข้าไปยังเขตปกครองตนเองไครเมีย โดยอ้างว่าจำเป็นต้องปกป้องสวัสดิภาพของพลเมืองรัสเซียที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลใหม่ในกรุงเคียฟ หลังจากที่สภายูเครนลงมติถอดถอนประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ผู้มีจุดยืนเอียงข้างรัสเซีย
สภาที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านการพัฒนาสังคมพลเรือนและสิทธิมนุษยชนชี้ว่า ความกังวลของรัฐบาลนั้น “เกินกว่าเหตุ”
“จริงอยู่ว่าสถานการณ์ในไครเมียเวลานี้เข้าข่ายไร้ขื่อแป มีการใช้ความรุนแรงโดยพวกที่เป็นตัวแทนกลุ่มการเมืองต่างๆ... แต่การส่งทหารจากภายนอกเข้าไปแทรกแซง ซึ่งถือว่าละเมิดอธิปไตยของเพื่อนบ้านและขัดต่อพันธกรณีที่รัสเซียมีต่อนานาชาติ ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในขณะนี้”
สภาที่ปรึกษาระบุด้วยว่า แม้ ส.ส.รัสเซียจะอ้างถึงยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงบนคาบสมุทรไครเมียว่าเป็นเหตุอันควรให้รัฐบาลส่งทหารเข้าแทรกแซง แต่การเจ็บตายทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นในช่วง 2 วันมานี้ และสิ่งที่รัฐบาลทำอาจผลักดันให้รัสเซียและยูเครนต้อง “เข้าสู่ภาวะสงคราม”
“การใช้กำลังทหารจะนำมาซึ่งความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม”
ที่ผ่านมา ปูติน มักไม่ค่อยใส่ใจคำเตือนของสภาที่ปรึกษาชุดนี้ ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนมองว่า เป็นเพียงคณะทำงานที่ตั้งขึ้นเป็น “ฉากบังหน้า” ว่ามอสโกก็ให้ความสำคัญต่อหลักประชาธิปไตยและยอมรับการวิจารณ์ถกเถียงเรื่องสิทธิมนุษยชน
ขณะที่เจ้าหน้าที่และ ส.ส.รัสเซียย้ำถึงความจำเป็นในการส่งกองกำลังเข้าควบคุมไครเมีย โดยอ้างถึงพวกชาตินิยมหัวรุนแรงในยูเครนที่มีตะวันตกหนุนหลังอยู่ แต่ก็มีสัญญาณบอกว่าพลเมืองหมีขาวบางส่วนเริ่มหวั่นเกรงผลกระทบจากการทำสงครามกับยูเครน ซึ่ง ปูติน เคยเรียกว่าเป็น “บ้านพี่เมืองน้อง” ของรัสเซีย
“ผมมั่นใจว่าไม่มีชาวรัสเซียคนใดต้องการให้เกิดสงครามขึ้น” กริกอรี คาราซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง
“เราไม่เห็นด้วยกับการใช้คำคำนี้ หารือความสัมพันธ์กับยูเครน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับเรา”
อย่างไรก็ดี คาราซินย้ำคำเตือนของปูตินว่า มอสโกพร้อมที่จะปกป้องพลเมืองของตน รวมถึงผู้ที่ใช้ภาษารัสเซียในยูเครน