“ยานูโควิช” โผล่สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกหลังหลบหนีไปรัสเซีย กร้าวขอสู้ตอบโต้กลับ

เอเอฟพี - วิกตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดีผู้ถูกขับไล่ ปรากฏตัวต่อสาธารณชนคนแรกนับตั้งแต่หลบหนีไปยังรัสเซีย ยืนกรานในวันศุกร์ (28) ยังไม่ถูกโค่นอำนาจและจะสู้ต่อเพื่ออนาคตของยูเครน พร้อมกล่าวโทษตะวันตกโหมกระพือวิกฤตในประเทศ แต่รับแปลกใจท่าทีพันธมิตรอย่าง วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำมอสโก ที่ปิดปากเงียบในระยะหลัง

นายยานูโควิช บอกกับผู้สื่อข่าวที่เมืองรอสตอฟ ออน ดอน ทางภาคใต้ของรัสเซียว่า เขาถูกบีบให้ออกจากยูเครน หลังได้รับคำขู่เอาชีวิต “ผมไม่ได้ถูกใครโค่นล้มทั้งนั้น ผมถูกบีบให้ออกจากยูเครน เนื่องจากมีคำขู่เอาชีวิตผมและจะเข่นฆ่าคนที่ใกล้ชิดกับผม” เขาให้สัมภาษณ์กับบรรณาธิการระดับอาวุโสของสำนักข่าวไอตาร์-ทาส “ผมจะสู้ต่อเพื่ออนาคตของยูเครนกับคนที่พยายามขู่เข็ญประเทศแห่งนี้ด้วยความสยดสยองและหวาดกลัว” ขณะเดียวกันผู้นำรายนี้บอกด้วยว่าจะเดินทางกลับประเทศก็ต่อเมื่อมีคำรับประกันความปลอดภัยแล้วเท่านั้น

อดีตประธานาธิบดี ยานูโควิช หลบหนีออกจากยูเครน หลังถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนเมื่อวันเสาร์ (22) ที่แล้ว โดยเวลานี้ฝ่ายผู้ประท้วงต่อต้านรัสเซียที่ฝักใฝ่ยุโรปก้าวเข้าสู่อำนาจแทนเขา “อำนาจในยูเครนถูกลักพาไปโดยพวกชาตินิยม พวกวัยรุ่นฝ่ายสนับสนุนฟาสซิสต์ ซึ่งเป็นแค่คนกลุ่มน้อยในยูเครน มันคือลัทธิอนาธิปไตย ก่อการร้ายและความย่งเหยิง” เขากล่าวเป็นภาษารัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ยานูโควิช วัย 63 ปี บอกว่าเขาต้องขอโทษต่อกรณีที่หลบหนีและละทิ้งยูเครนท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง “ผมมันน่าอดสู ผมจำเป็นต้องขอโทษประชาชนชาวยูเครนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน และต่อกรณีที่ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะรักษาเสถียรภาพของประเทศ”

พร้อมกันนั้น นายยานูโควิช ยังกล่าวโทษแผนการที่ไร้ความรับผิดชอบของชาติตะวันตกต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นในยูเครน และบอกว่าเขาจะไม่เข้าร่วมศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่พวกผู้นำคนใหม่ของยูเครนกำหนดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม ด้วยบอกว่ามันเป็นการศึกเลือกตั้งที่ผิดกฎหมาย

นายยานูโควิช เผยได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำมอสโกแล้ว หลังเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปยังรัสเซีย แต่ยังไม่ได้พบหน้ากัน กระนั้นก็มีแผนนัดพบปะพูดคุยกันในอนาคต อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจที่ ปูติน ไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ในยูเครนเลย นับตั้งแต่ที่เขาหลบหนีออกมา “เท่าที่รู้จักบุคลิกของวลาดิมีร์ ปูติน ผมจึงรู้สึกประหลาดใจมากที่เขายังสงวนท่าทีปิดปากเงียบ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัย”

นอกจากนี้แล้ว นายยานูโควิช ระบุด้วยว่าเขาเข้าใจดีถึงความขุ่นแค้นของประชาชนฝ่ายฝักใฝ่รัสเซียในไครเมีย ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลใหม่ของยูเครน “ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นในไครเมีย เป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน ซึ่งมันราวกับการเข้ายึดอำนาจของพวกผู้ร้าย” พร้อมยืนยันว่ายังมองตนเองในฐานะประธานาธิบดียูเครนและเชื่อไครเมียก็จะยังเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนเช่นกัน