เอเอฟพี - ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับรัฐบาลใหม่ยูเครนที่ฝักใฝ่ยุโรป ร้อนระอุขึ้นในวันศุกร์ (28) เมื่อหมีขาวส่งเครื่องบินลำเลียง 13 ลำ บรรทุกทหารเกือบ 2,000 นาย ไปลงจอดที่ฐานทัพแห่งหนึ่งใกล้คาบสมุทรไครเมียอย่างไม่ทราบวัตถุประสงค์ จนทางประธานาธิบดีเคียฟ ต้องออกมาโวยวายว่าถูกรุกราน หนึ่งวันหลังจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนมอสโก ซึ่งไม่พอใจที่นายวิกตอร์ ยานูโควิช อดีตผู้นำถูกโค่นอำนาจ บุกยึดอาคารราชการและสนามบินในไครเมีย
นายเซอร์กีย์ คูนิตซีน ผู้แทนประจำสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียของประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่าเครื่องบินลำเลียงรัสเซีย 13 ลำ บรรทุกทหารเกือบ 2,000 นาย ลงจอดที่ฐานทัพทหาร ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองในช่วงค่ำวันศุกร์ (28) “เครื่องบินรัสเซีย 13 ลำ ลงจอดที่สนามบินกวาร์เดยสโกเย ใกล้เมืองซิมเฟอโรโพล เมืองหลวงของไครเมีย โดยแต่ละลำมีกำลังพล 150 นาย”
เบื้องต้นยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า รัสเซีย มีสิทธิ์ใช้ฐานทัพดังกล่าวหรือไม่ หรือแค่เพียงเสริมกำลังทหารภายใต้ข้อตกลงที่เคยทำไว้กับยูเครน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซียและไม่พอใจการถอดถอนประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช ได้เข้ายึดสถานที่ราชการและอาคารรัฐสภาภายในเมืองซิมเฟโรโพลในวันพฤหัสบดี (27) ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดพรางประมาณ 120 คน ซึ่งนายโอเล็กซานดร์ ตูร์ชีนอฟ ประธานาธิบดีเฉพาะกาลยูเครน กล่าวหาเป็นทหารจากรัสเซีย ได้บุกเข้าไปในสนามบินหลักเมืองซิมเฟโรโพลและฐานทัพอีกแห่งตอนเช้ามืด
ทั้งนี้แม้โฆษกของฐานทัพทะเลดำของรัสเซีย ซึ่งตั้งยูเครน ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ แต่ทางรัฐสภายูเครนก็ได้ร้องขออย่างฉับพลันไปยังสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรให้ยึดมั่นข้อตกลงปี 1994 กับรัสเซีย ที่รับประกันอาณาธิปไตยของประเทศแลกกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์สมัยสหภาพโซเวียต
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าในช่วงเย็นของวันศุกร์ (28) เห็นชายฉกรรจ์หลายสิบคนถือปืนอาก้ายืนกระจายกำลังอยู่ล้อมรอบสนามบินซิมเฟโรโพล ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ก็เล่าว่าพบเห็นรถลำเลียงพลกันกระสุน แล่นอยู่ตามท้องถนนสายต่างๆ ของเมืองแห่งนี้
อาร์เซน อาวาคอฟ รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน ระบุในถ้อยแถลงผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการส่งกองกำลังติดอาวุธเข้ารุกรานและยึดครอง” ขณะที่ประธานาธิบดีตูร์ชีนอฟ เรียกร้องประธาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ให้หยุดรุกรานและถอนกำลังออกไปจากคาบสมุทรไครเมีย
“ผมขอวิงวอนเป็นการส่วนตัวไปยังประธานาธิบดีปูติน ให้หยุดยั่วยุทางทหารและถอนกำลังออกไปจากสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย มันคือการรุกรานต่อยูเครนอย่างโจ่งแจ้ง” เขาบอกกับผู้สื่อข่าว หลังได้รับแจ้งว่ารัสเซียมีการเสริมกำลังในไครเมีย ดินแดนที่มอสโกคงฐานทัพทหารไว้นานหลายปีแล้ว
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปูติน จุดชนวนความกังวลว่ามอสโกอาจใช้กำลังทหารครอบงำสถานการณ์ทางตันทางการเมืองของยูเครน ด้วยการให้ตรวจความพร้อมรบของกองทัพรัสเซียที่ประจำอยู่ทางภาคตะวันตกและภาคกลางของประเทศ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับยูเครน ซึ่งประกอบด้วยกำลังพลกว่า 150,000 นาย และรถถังเกือบ 900 คัน
