เอเอฟพี - ผลประชามติในสวิตเซอร์แลนด์วานนี้ (9) ชี้ชาวสวิส “เกินครึ่ง” ต้องการให้รัฐบาลยับยั้งการไหลเข้าของผู้อพยพจากสหภาพยุโรป ขณะที่บรัสเซลส์ฉุนจัดขู่ทบทวนความสัมพันธ์กับดินแดนอัลไพน์แห่งนี้
ผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายพบว่า ชาวสวิสผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 50.3 สนับสนุนแผน “หยุดการอพยพครั้งใหญ่” ของรัฐบาลพรรคประชาชนสวิส (เอสวีพี) อย่างไรก็ดี ผลประชามติครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อข้อตกลงและความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจที่สวิตเซอร์แลนด์มีต่ออียู
แม้จะถูกรายล้อมด้วยประเทศอียู และทำการค้าส่วนใหญ่กับสมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศ แต่สวิตเซอร์แลนด์ยังคงจุดยืนเดิมที่จะไม่เข้าเป็นสมาชิก
คณะกรรมาธิการยุโรปขู่จะทบทวนความสัมพันธ์กับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหมายความว่าอียูอาจจะประกาศจำกัดการค้า หรือใช้มาตรการตอบโต้ด้านอื่นๆ
โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนีเตือนว่า ผลประชามติ “จะสร้างปัญหาให้แก่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในหลายๆด้าน” แต่ก็ยอมรับว่า นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของกระแส “ความหวาดกลัวโลกาภิวัตน์ยุโรป” ที่กำลังเกิดขึ้น
ดิดิเยร์ เบอร์คัลเตอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมจะเดินสายทัวร์เมืองหลวงยุโรปเพื่ออธิบายผลประชามติที่ออกมาและหาหนทางแก้ไข โดยจะเริ่มที่คู่ค้าอันดับหนึ่งอย่างเบอร์ลินเป็นที่แรก
เบอร์คัลเตอร์ ชี้ว่า “อำนาจเป็นของปวงชน และระบบการเมืองที่ดีต้องไม่บีบบังคับให้ประชาชนเดินตามรัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต”
รัฐบาลเอสวีพีและกลุ่มล็อบบียิสต์ทางเศรษฐกิจที่กลัวผลกระทบจากปัญหาในอียู ต่างสนับสนุนให้จำกัดจำนวนผู้อพยพจากยุโรป ทว่าภายใต้ระบบประชาธิปไตยทางตรง การตัดสินใจของรัฐบาลในประเด็นสำคัญๆ จะต้องผ่านการทำประชามติเสียก่อน
หนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศส เลอ-ตองส์ รายงานว่า ประชาชนในเมืองใหญ่และพื้นที่ซึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศสโหวตต่อต้านการจำกัดผู้อพยพยุโรป ในขณะที่ชาวชนบทซึ่งใช้ภาษาเยอรมันสนับสนุนนโยบายนี้
ผลประชามติกำหนดให้รัฐบาลสวิสต้องทบทวนข้อตกลงที่ทำกับบรัสเซลส์เมื่อปี 2007 ซึ่งอนุญาตให้พลเมืองอียูส่วนใหญ่เข้าไปทำงานในสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างเสรี
สวิตเซอร์แลนด์ยังมีข้อตกลงความร่วมมือกับอียูในอีกหลายด้าน เช่น กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง, การซื้อขายสินค้าเกษตร, การขนส่งทางอากาศ และภาคส่วนอื่นๆ
รัฐบาลสวิสแถลงว่า จะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าพิจารณาว่าจะปรับความสัมพันธ์กับอียูอย่างไร แต่ระหว่างที่กฎหมายใหม่ยังไม่ได้ร่างก็จะใช้ระเบียบคนเข้าเมืองเดิมไปก่อน
ชาวสวิสหลายร้อยคนได้ออกมาประท้วงผลการทำประชามติที่กรุงเบิร์นและเมืองลูเซิร์น โดยป่าวร้องว่า “เรารู้สึกอับอาย”
พรรคเอสวีพีชี้ถึงความจำเป็นในการจำกัดผู้อพยพ เนื่องจากปัจจุบันมีพลเมืองอียูเดินทางเข้าสวิตเซอร์แลนด์ปีละราวๆ 80,000 คน ซึ่งก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจผ่อนคลายระเบียบคนเข้าเมืองนั้นประเมินไว้ว่า จะมีแรงงานอียูไหลเข้าเพียง 8,000 คนต่อปี
รัฐบาลสวิสชี้ว่า แรงงานอียูเข้ามาแย่งตำแหน่งงานของชาวสวิสเนื่องจากค่าแรงถูกกว่า และการที่ประชากรล้นเมืองยังส่งผลให้ค่าเช่าแพงขึ้น เพิ่มภาระต่อระบบการศึกษา, สาธารณสุข และการคมนาคมของประเทศ