รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลมอลตา ยอมปรับเงื่อนไขตามแผนหารายได้เข้าประเทศ ด้วยการขาย “สถานะพลเมืองอียู” แล้ว หลังบรรลุข้อตกลงกับทางคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ในวันพุธ (29)
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมอลตาภายใต้การนำของประธานาธิบดี จอร์จ อเบลา และนายกรัฐมนตรี โจเซฟ มุสแคต ได้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่ในปีที่แล้ว หลังเสนอแผนการหารายได้เข้าประเทศ ด้วยการขายสถานะความเป็นพลเมืองสหภาพยุโรป (EU citizenship) ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจในสนนราคา 650,000 ยูโร (ราว 29.3 ล้านบาท) โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศก่อน ขอเพียงแค่มีเงินจำนวนดังกล่าวก็สามารถได้รับสถานะพลเมืองอียูจากรัฐบาลมอลตาภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน
อย่างไรก็ดี แผนหารายได้เข้าประเทศดังกล่าวของทางการมอลตา ซึ่งเข้าเป็นสมาชิกอียูตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2004 ถูกตำหนิจากอียูและสร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย
โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงในยุโรปที่เกรงว่าพวกนักการเมืองที่มีประวัติการทุจริตจากทวีปอื่นๆ รวมถึง สมาชิกองค์กรอาชญากรข้ามชาติจะใช้ช่องทางนี้ในการ “ฟอกตัวเอง” และมีสิทธิ์ต่างๆ ในทางสังคมและทางกฎหมายเช่นเดียวกับพลเมืองของ 28 ชาติสมาชิกอียู
ล่าสุด รัฐบาลมอลตาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับคณะผู้แทนเจรจาของคณะกรรมาธิการยุโรปในวันพุธ (29) ในการปรับมาตรการหารายได้ดังกล่าวเสียใหม่ ด้วยการกำหนดให้ผู้ที่สนใจซื้อสถานะพลเมืองอียูจากมอลตา จะต้องเข้ามาพำนักในมอลตานานอย่างน้อย 1 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอรับสถานะพลเมืองอียู
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมอลตาก็ต้องสร้างความมั่นใจว่า บุคคลต่างชาติที่ได้รับสถานะพลเมืองอียูจากมอลตาไปแล้วนั้น จะต้องไม่กลายเป็น “ตัวก่อปัญหา” ให้กับอียูในภายหลัง
ด้าน นางวิเวียง เรแด็ง ประธานด้านนโยบายกระบวนการยุติธรรม สิทธิขั้นพื้นฐานและพลเมืองของสหภาพยุโรป ออกมายืนยันว่า สหภาพยุโรปขอเน้นย้ำกับชาติสมาชิกว่า สถานะความเป็นพลเมืองอียู จะต้องไม่ถูกนำออกขายอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองใดๆ ของประเทศสมาชิก เช่น ในกรณีของมอลตาอีก