รอยเตอร์ - รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่มีกำหนดการเยือนญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้ได้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นและจีนลดแรงตึงเครียดลง ซึ่งความตึงเครียดนี้เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่จีนได้ประกาศ ADIZ หรือเขตป้องกันภัยทางอากาศของจีนขึ้นเหนือเขตหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนตะวันออก พร้อมกับกล่าวตอกย้ำว่าทางวอชิงตันรู้สึกกังวลกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้
ทางสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนว่าจะทำตามข้อตกลงในการทำหน้าที่คุ้มครองหมู่เกาะพิพาท “เซนกากุ” (เตียวหยู ในภาษาจีน) ที่ญี่ปุ่นครอบครองอยู่ในขณะนี้ แต่กระนั้นสหรัฐฯ ยังคงลังเลที่จะส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงข้อพิพาทของ 2 ชาติมหาอำนาจในเอเชียทางเศรษฐกิจนี้
โดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน มีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตีญี่ปุ่นชินโสะ อาเบะ ในวันนี้ (3) ก่อนที่เขาจะบินไปยังจีนในวันถัดไป ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนเอเชียของไบเดนในการลดความตึงเครียดลงจากปัญหาข้อพิพาทเขต ADIZ และยังเป็นการส่งสัญญาณหนุนหลังมหามิตรอย่างญี่ปุ่นอีกด้วย
“ทางสหรัฐฯ รู้สึกกังวลมากถึงการประกาศเขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่” ไบเดนเผยในแถลงการณ์ตอบที่เขียนถึงหนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่น
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นถึงข้อตกลงระหว่างญี่ปุ่นและจีนในการเริ่มต้นจัดการแก้ปัญหาข้อพิพาทและมาตรการเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นในการลดแรงตึงเครียด” ไบเดนแถลงต่อผ่านแถลงการณ์
ซึ่งในวันนี้ (3) ญี่ปุ่นได้ตอกย้ำว่า ทางโตเกียวและวอชิงตันได้ปฏิเสธเขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่ของจีน ถึงแม้ว่าสายการบินพาณิชย์ของสหรัฐฯ 3 แห่งจะทำตามคำแนะนำของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งการเตือนล่วงหน้าไปให้จีนก่อนจะผ่านเขต ADIZ
“ทางญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีจุดยืนเดียวกันคือไม่ขอยอมรับเขต ADIZ” หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ เผยในงานแถลงช่าว “ทางญี่ปุ่นขอยืนยันเช่นนั้น”
ทางด้านวอชิงตันได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คำแนะนำให้กับสายการบินพาณิชย์ของอเมริกานั้น ไม่ได้หมายความว่าทางสหรัฐฯ จะยอมรับเขต ADIZ ของจีนแต่อย่างใด และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B52 บินผ่านเขต ADIZ โดยไม่มีการแจ้งให้จีนทราบล่วงหน้า
ทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้คำแนะนำสายการบินพาณิชย์ของตนเองไม่ต้องส่งแผนการบินล่วงหน้าให้กับจีน ในขณะที่จีนคาดหวังว่าเครื่องบินทุกลำที่จะบินผ่านเขต ADIZ จะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหลังจากที่จีนประกาศเขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ทางด้านบรรดาสายการบินญี่ปุ่นและ ANA Holdings ที่ยอมทำตามคำแนะนำของรัฐบาลญี่ปุ่นต่างรู้สึกกังวลที่จะบินผ่านเขต ADIZ โดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าให้จีนทราบ โดยเฉพาะหลังจากที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แนะนำให้สายการบินอเมริกันทำตามที่จีนร้องขอ แหล่งข่าวจากสายการบิญี่ปุ่น 2 แหล่งได้เผยกับรอยเตอร์
ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว เจย์ คาร์นี ได้บอกเพียงสั้นๆ ว่า คำแนะนำให้สายการบินนั้นเป็นเหตุผลเพื่อ “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นปกติที่สายการบินอเมริกันนั้นต้องทำตามคำเตือนที่ออกโดยต่างชาติ “อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การยอมรับเขตป้องกันภัยทางอากาศของจีนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ แต่อย่างไร และไม่มีทางที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับอำนาจการประกาศของจีนต่อเขต ADIZ ที่ต้องการให้แจ้งล่วงหน้า” คาร์นีเผย
ทางสหรัฐฯไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งการอ้างสิทธิเหนือเกาะเซนกากุ (เตียวหยูในภาษาจีน) แต่ทว่าสหรัฐฯ รับรู้การเข้าครอบครองหมู่เกาะพิพาทโดยญี่ปุ่นนี้ และข้อตกลงทางความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ครอบคลุมถึงเขตหมู่เกาะพิพาทนี้ด้วย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องบินรบของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้บินผ่านเข้าไปเขต ADIZ โดยไม่มีการเตือนให้จีนรับรู้ล่วงหน้า และภายหลังจีนได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปในบริเวณนั้น
ไบเดนได้แก้ข้อสงสัยให้ญี่ปุ่นและทั่วเอเชียเกี่ยวกับนโยบายการกลับเข้ามาสู่เอเชียอีกครั้งของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯ มีความยุ่งยากเกี่ยวกับปัญหานโยบายการคลังในประเทศ ปัญหาตะวันออกกลาง และปัญหาการเมืองภายในสหรัฐฯ
ซึ่งข้อสงสัยทีว่าสหรัฐฯ อาจจะไม่เอาจริงกับนโยบายปักหมุดเอเชียนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า จีนอาจคิดว่าสหรัฐฯ คงไม่จริงจังกับการประกาศเขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่เท่าใดนัก
โดยไบเดนยืนยันว่า “ทางญี่ปุ่นทราบดีว่าสหรัฐฯ ได้คงกำลังเพื่อรักษาสันติภาพในย่านเอเชียแปซิฟิกมายาวนานกว่า 60 ปีแล้ว ซึ่งการที่มีเสียรภาพทางความมั่นคงส่งผลถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งทางสหรัฐฯเป็นขั้วอำนาจในด้านเศรษฐกิจ การทูต และการทหาร ในย่านเอเชียและแปซิฟิก สหรัฐฯ เคยเป็น และจะยังเป็นอยู่ต่อไป”