จีน-ญี่ปุ่นต่างฝ่ายต่างเร่งอุณหภูมิในกรณีพิพาททางดินแดนเมื่อวันจันทร์ (25 พ.ย.) ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตของอีกประเทศหนึ่งมารับฟังการประท้วง สืบเนื่องจากการประกาศ “เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ” ของปักกิ่งที่ครอบคลุมหมู่เกาะเล็กๆ ที่แย่งชิงกรรมสิทธิ์กันอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น ทางด้านเกาหลีใต้และไต้หวันก็กำลังเข้ามาสมทบเพิ่มความตึงเครียด อย่างไรก็ดี แม้ประเทศทั้งหมดนี้ไม่ยอมรับมาตรการตามอำเภอใจของพญามังกร แต่ต่างแนะนำให้สายการบินพาณิชย์ของตนแจ้งจีนเมื่อต้องบินผ่านบริเวณดังกล่าว
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันจันทร์ โดยแสดง “ความกังวลอย่างแรงกล้า” กับ “การกระทำอันมีอันตรายอย่างล้ำลึก” ของจีน ในการบังคับให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ และเสริมว่า โตเกียวจะขอให้ปักกิ่งอดกลั้น และสานต่อการร่วมมือกับนานาชาติ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของจีนเมื่อวันเสาร์ (23) ซึ่งกำหนดให้เครื่องบินทุกลำที่บินผ่านพื้นที่น่านฟ้าทะเลจีนตะวันออกในบริเวณที่แดนมังกรกำหนด ต้องแสดงตัวตนด้วยการระบุสัญชาติ ส่งแผนการบิน และคงการสื่อสารผ่านระบบวิทยุสองทางเอาไว้
เขต ADIZ ของจีนนี้ ครอบคลุมหมู่เกาะเล็กๆ ที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่และเรียกชื่อว่า เซงกากุ โดยที่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกันและขนานนามว่าเตี้ยวอี๋ว์ โดยที่บริเวณตรงนี้พวกเรือและเครื่องบินของญี่ปุ่นกับจีนก็ได้มีการเคลื่อนไหวไล่ตามกันไปมา ในการเผชิญหน้าที่เสี่ยงต่อการคำนวณผิดพลาดหรืออุบัติเหตุซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และดึงอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในวันจันทร์ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นประกาศย้ำว่าไม่ยอมรับมาตรการฝ่ายเดียวของจีน พร้อมทั้งเรียก เฉิง หย่งหวา เอกอัครราชทูตจีนเข้ารับฟังการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวซึ่งมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ทว่า กลับถูกตอกหน้าว่า โตเกียวต่างหากที่ควรยกเลิก “ข้อเรียกร้องไร้เหตุผล”
นอกจากนั้น เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงปักกิ่ง ก็ถูกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกตัวไปพบ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า แดนอาทิตย์อุทัยไม่ควรที่จะแสดง “ความคิดเห็นอย่างไร้ความรับผิดชอบ” เกี่ยวกับการจัดตั้งเขต ADIZ ของแดนมังกร
ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า ได้ยื่นเรื่องประท้วงคำวิจารณ์ของวอชิงตันและโตเกียวผ่านสถานทูตอเมริกันและญี่ปุ่น โดยยืนยันว่า เขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่ของจีนนี้ เป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และเรียกร้องว่า วอชิงตันต้องไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่แสดงความคิดเห็นอย่างไม่เหมาะสม และไม่ส่งสัญญาณผิดๆ แก่โตเกียว รวมทั้งไม่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ กระทรวงกลาโหมแดนมังกรยังระบุว่า อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อบังคับใช้เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม ซึ่งแม้ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่เชื่อกันว่าน่าจะครอบคลุมทะเลจีนใต้ที่อุดมด้วยทรัพยากรพลังงาน
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันจันทร์ โดยแสดง “ความกังวลอย่างแรงกล้า” กับ “การกระทำอันมีอันตรายอย่างล้ำลึก” ของจีน ในการบังคับให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ และเสริมว่า โตเกียวจะขอให้ปักกิ่งอดกลั้น และสานต่อการร่วมมือกับนานาชาติ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยแสดงความเห็นเกี่ยวกับการประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของจีนเมื่อวันเสาร์ (23) ซึ่งกำหนดให้เครื่องบินทุกลำที่บินผ่านพื้นที่น่านฟ้าทะเลจีนตะวันออกในบริเวณที่แดนมังกรกำหนด ต้องแสดงตัวตนด้วยการระบุสัญชาติ ส่งแผนการบิน และคงการสื่อสารผ่านระบบวิทยุสองทางเอาไว้
เขต ADIZ ของจีนนี้ ครอบคลุมหมู่เกาะเล็กๆ ที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่และเรียกชื่อว่า เซงกากุ โดยที่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกันและขนานนามว่าเตี้ยวอี๋ว์ โดยที่บริเวณตรงนี้พวกเรือและเครื่องบินของญี่ปุ่นกับจีนก็ได้มีการเคลื่อนไหวไล่ตามกันไปมา ในการเผชิญหน้าที่เสี่ยงต่อการคำนวณผิดพลาดหรืออุบัติเหตุซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และดึงอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในวันจันทร์ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นประกาศย้ำว่าไม่ยอมรับมาตรการฝ่ายเดียวของจีน พร้อมทั้งเรียก เฉิง หย่งหวา เอกอัครราชทูตจีนเข้ารับฟังการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวซึ่งมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ทว่า กลับถูกตอกหน้าว่า โตเกียวต่างหากที่ควรยกเลิก “ข้อเรียกร้องไร้เหตุผล”
นอกจากนั้น เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงปักกิ่ง ก็ถูกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกตัวไปพบ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า แดนอาทิตย์อุทัยไม่ควรที่จะแสดง “ความคิดเห็นอย่างไร้ความรับผิดชอบ” เกี่ยวกับการจัดตั้งเขต ADIZ ของแดนมังกร
ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า ได้ยื่นเรื่องประท้วงคำวิจารณ์ของวอชิงตันและโตเกียวผ่านสถานทูตอเมริกันและญี่ปุ่น โดยยืนยันว่า เขตป้องกันภัยทางอากาศใหม่ของจีนนี้ เป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และเรียกร้องว่า วอชิงตันต้องไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่แสดงความคิดเห็นอย่างไม่เหมาะสม และไม่ส่งสัญญาณผิดๆ แก่โตเกียว รวมทั้งไม่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ กระทรวงกลาโหมแดนมังกรยังระบุว่า อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อบังคับใช้เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม ซึ่งแม้ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่เชื่อกันว่าน่าจะครอบคลุมทะเลจีนใต้ที่อุดมด้วยทรัพยากรพลังงาน