เอเจนซีส์ - รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกร้องญี่ปุ่นกับจีนหาหนทางเพื่อลดความตึงเครียดซึ่งพุ่งสูงปรี๊ด ภายหลังปักกิ่งประกาศเขตป้องกันทางอากาศเหนือหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนตะวันออก ขณะเดียวกันก็กล่าวย้ำว่าวอชิงตันจะยืนอยู่เคียงข้างโตเกียว
ไบเดนแถลงเมื่อวันอังคาร (3 ธ.ค.) ระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่น โดยมีนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ยืนอยู่คู่กันว่า วอชิงตันกังวลอย่างมากกับความพยายามฝ่ายเดียวของปักกิ่งในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพดั้งเดิมในทะเลจีนตะวันออก
“การดำเนินการนี้ทำให้บรรยากาศในภูมิภาคตึงเครียดยิ่งขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและการคำนวณผิดพลาด” ไบเดนเสริมว่า ขณะนี้อเมริการ่วมมืออย่างใกล้ชิดกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และพันธมิตรอื่นๆ และต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคนี้ลดลง
“ผมจะหารือประเด็นเหล่านี้อย่างเฉพาะเจาะจงมากๆ ระหว่างเข้าพบผู้นำจีน” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำทับ ทั้งนี้เขามีกำหนดการเดินทางต่อไปยังจีนในวันพุธ (4 ธ.ค.) และจากนั้นก็ต่อไปยังเกาหลีใต้ในวันรุ่งขึ้น
คำแถลงของไบเดนมีขึ้นขณะที่ญี่ปุ่นกำลังกดดันให้อเมริกาแสดงจุดยืนสนับสนุนตนมากขึ้นกรณีการประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศใหม่ของจีนในบริเวณทะเลจีนตะวันออก ซึ่งมีหมู่เกาะที่สองประเทศแย่งชิงกันตั้งอยู่
วอชิงตันและโตเกียวต่างไม่ยอมรับเขตดังกล่าว นอกจากนี้อเมริกาและพันธมิตรหลายชาติ ซึ่งรวมถึงฟิลิปปินส์กำลังกังวลว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายการอ้างสิทธิอธิปไตยทั่วทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเอกอัครราชทูตจีนประกาศกับมะนิลาเมื่อวันจันทร์ว่า ปักกิ่งมีสิทธิอธิปไตยในการกำหนดเขตป้องกันภัยทางอากาศเหนือทะเลจีนใต้
ทั้งนี้ ก่อนพบกับนายกฯ ญี่ปุ่น ไบเดนได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุงของแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันอังคารว่า ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ล่าสุดนี้ตอกย้ำความจำเป็นที่จีนและญี่ปุ่นจะต้องทำข้อตกลงเพื่อกำหนดมาตรการจัดการวิกฤตและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันเพื่อลดอุณหภูมิความขัดแย้ง
ไบเดนย้ำประเด็นนี้อีกครั้งในการแถลงข่าวเคียงคู่กับอาเบะ โดยบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคราวนี้เน้นให้เห็นความจำเป็นที่ว่า ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นจะต้องมีกลไกจัดการวิกฤตและช่องทางสื่อสารอันทรงประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ลดทอนความเสี่ยงที่วิกฤตอาจบานปลาย
ด้านอาเบะกล่าวว่า ตนและไบเดนยืนยันว่าทั้งสองประเทศจะไม่ยอมรับความพยายามในการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานภาพดั้งเดิม และจะร่วมกันจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน อาเบะพยายามกลบเกลื่อนความเห็นต่างเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นเรื่องที่ว่า สายการบินพาณิชย์ควรปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของจีน ในการเปิดเผยแผนการบินก่อนบินผ่านเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศซึ่งแดนมังกรประกาศใช้หรือไม่
ผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยต่างกังวลหลังจากอเมริกาแนะนำให้สายการบินในประเทศปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลต่างชาติอันเป็นระเบียบปฏิบัติปกติ ขณะที่โตเกียวกำชับสายการบินในประเทศว่า ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของจีนเมื่อบินผ่านทะเลจีนตะวันออก
“เราตกลงกันว่าเราจะไม่อภัยให้การดำเนินการใดๆ ที่อาจคุกคามต่อความปลอดภัยของเครื่องบินพลเรือน” อาเบะทิ้งท้ายโดยไม่อธิบายขยายความ
นักวิเคราะห์หลายราย เป็นต้นว่า ทาเกฮิโกะ ยามาโมโตะ อาจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยเวเซดะ ในกรุงโตเกียว มีความเห็นว่า สหรัฐฯกำลังพยายามประคองตัวอยู่ระหว่างการแสดงท่าทีสนับสนุนอาเบะ แต่เวลาเดียวกันก็ไม่ต้องการทำให้นักการเมืองสายเหยี่ยวของญี่ปุ่นผู้นี้มีความมั่นใจมากเกินไปจนถึงขั้นอาจจะทำสิ่งซึ่งเป็นการยั่วยุจีน
“วอชิงตันไม่ได้ต้องการแบกรับความเสี่ยงที่สายสัมพันธ์ทวิภาคีซึ่งตนมีอยู่กับจีนจะต้องเสียหายไป” เขากล่าว “ไบเดนจะส่งข้อความ ไปถึงฝ่ายจีน แต่เวลาเดียวก็อาจจะพยายามหาทางแสดงบทบาทในการไกล่เกลี่ยไปด้วย”
นอกเหนือจากประเด็นการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนแล้ว เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในการเยือนโตเกียวของไบเดนคราวนี้ ยังรวมถึงการผลักดันข้อตกลงการค้าเสรีแถบเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่สหรัฐฯกำลังเจรจาอยู่กับญี่ปุ่นและอีก 10 ประเทศ โดยที่อเมริกาวาดหวังว่าจะตกลงลุล่วงได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนญี่ปุ่นนั้นยังกังวลกับการเปิดตลาดรับสินค้าเกษตรนำเข้า และเพิ่มช่องทางเข้าถึงตลาดรถยนต์ของตนเอง ทั้งนี้ ทีพีพีมีกำหนดหารือระดับรัฐมนตรีรอบต่อไปที่สิงคโปร์สุดสัปดาห์นี้ ทว่าการเจรจาทำท่าจะยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อโตเกียวเปิดเผยในวันจันทร์ว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจของตนที่จะร่วมเจรจาต้องเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล