เอเอฟพี - จีนจะกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลกแทนที่สหรัฐฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้ สืบเนื่องจากอุปสงค์น้ำมันในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสหรัฐฯสามารถผลิตน้ำมันได้เองมากขึ้นด้วย ข้อมูลจากรัฐบาลวอชิงตันเผย
สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันสุทธิต่อปีของจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯภายในปีหน้า และส่วนต่างก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จีนถือเป็นประเทศที่ใช้พลังงานสูงที่สุดในปัจจุบัน และเป็นรองเพียงสหรัฐฯในแง่ของการบริโภคน้ำมัน
แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงเกิดจากความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นในจีน บวกกับสหรัฐฯมีกำลังผลิตน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐฯกลับซบเซาลง รายงานของ อีไอเอ เผย
แผนภูมิที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์อีไอเอ บ่งชี้ว่า จีนมีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐฯ ซื้อน้ำมันน้อยลงในอัตราที่เร็วกว่า และจุดตัดระหว่างกราฟทั้ง 2 เส้นน่าจะเกิดขึ้นภายใน 2 เดือนข้างหน้านี้
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำลังผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกิดจากการนำเทคโนโลยี hydrolic fracturing หรือ fracking มาใช้ในการขุดเจาะ โดยเป็นการนำน้ำผสมกับสารเคมีมาฉีดด้วยแรงดันสูงเพื่อให้ชั้นหินแตกออกจนได้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และยังช่วยให้สามารถนำไฮโดรคาร์บอนสำรองในชั้นหินดินดานขึ้นมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจได้อีกด้วย
แม้การขุดเจาะด้วยวิธี fracking จะทำให้ตลาดพลังงานโลกเปลี่ยนแปลงไป แต่บางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ยังคงปฏิเสธเทคโนโลยีที่ว่านี้ เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อีไอเอ ประเมินว่า กำลังผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จะขยับขึ้นอีก 28% มาอยู่ที่ราวๆ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงปี 2011-2014 ขณะที่กำลังผลิตของจีนจะโตเพียง 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน และผลิตน้ำมันได้ไม่เกิน 1 ใน 3 ของสหรัฐฯในปี 2014
อย่างไรก็ดี อัตราการบริโภคน้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้น 13% มาอยู่ที่ 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่สหรัฐฯจะต้องการพลังงานน้ำมันลดลงเหลือเพียง 18.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุด 20.8 ล้านบาร์เรลต่อวันที่สหรัฐฯบันทึกไว้ เมื่อปี 2005
สถิติของรัฐบาลปักกิ่ง ระบุว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบทั้งสิ้น 26,110,000 ตัน (186.5 ล้านบาร์เรล) ในเดือนกรกฎาคม และส่งออกเพียง170,000 ตัน
บทวิเคราะห์จากหนังสือพิมพ์ ไชนา บิสสิเนส นิวส์ ฉบับวานนี้(12) ชี้ว่า การที่จีนกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลก อาจส่งผลกระทบอย่างล้ำลึก “เนื่องจากจีนและสหรัฐฯ จะไม่ใช่คู่แข่งที่แท้จริงในภาคพลังงานอีกต่อไป แต่จีนจะต้องเป็นฝ่ายซื้อพลังงานจากสหรัฐฯในปริมาณมหาศาล” หลี่ ตงเชา เจ้าของบทความ ระบุ
“การที่สหรัฐฯพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานจะช่วยฟื้นภาคการผลิตให้กลับมามีชีวิตชีวา ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ผลิตในสหรัฐฯจะกลายมาเป็นคู่แข่งกับจีน”
“การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของอุตสาหกรรมพลังงานคือสิ่งจำเป็น เพื่อให้จีนมีความมั่นคงทั้งในด้านพลังงานและเศรษฐกิจ”