ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของโอบามาชี้ เทคโนโลยีใหม่ซึ่งทำให้สหรัฐฯสามารถผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มมากขึ้น กระทั่งกลายเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า กำลังทำให้บทบาทและอำนาจของอเมริกาในกิจการโลกหนักแน่นขึ้น อีกทั้งส่งผลลึกซึ้งต่อนโยบายด้านการต่างประเทศและความมั่นคงของแดนอินทรี
ในการแสดงปาฐกถาที่ “ศูนย์นโยบายพลังงานโลก” ซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24) ซึ่งเป็นปาฐกถาสำคัญครั้งแรกของเขาเกี่ยวกับนโยบายพลังงาน ทอม โดนิลอน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า การผลิตน้ำมันและก๊าซที่ขยายตัวเกินคาด ช่วยส่งเสริมการสร้างงาน และทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น และสหรัฐฯ มีอำนาจมากขึ้นในการเจรจากับชาติอื่นๆ
เขาชี้ว่า จากการใช้เทคโนโลยีขุดเจาะแบบใหม่ ด้วยการอัดน้ำที่มีแรงดันสูง (hydraulic fracturing หรือ fracking) ทำให้สามารถสกัดน้ำมันและก๊าซจากหินน้ำมัน (shale rock) และจะส่งให้อเมริกาแซงหน้าซาอุดีอาระเบียขึ้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลกในปี 2017
โดนิลอนซึ่งบอกว่า เวลานี้ตนต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาด้านนโยบายพลังงานแทบจะทุกวัน กล่าวต่อไปว่า หลังจากเชื่อกันมาตลอด 40 ปีว่า ซัปพลายพลังงานของสหรัฐฯ กำลังลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้อเมริกาต้องพึ่งพิงน้ำมันต่างชาติมากขึ้นๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังเปลี่ยนไปแล้ว
การผลิตน้ำมันและก๊าซได้เพิ่มขึ้นเช่นนี้ มีส่วนช่วยในเรื่องที่อเมริกากำลังเป็นผู้นำในการผลักดันการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านจากกรณีโครงการนิวเคลียร์ และมาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดเช่นนี้เอง ส่งผลให้เตหะรานส่งออกน้ำมันได้ลดลง กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น ทว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้พุ่งทะยานแต่อย่างใด
ในการแสดงปาฐกถาที่ “ศูนย์นโยบายพลังงานโลก” ซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24) ซึ่งเป็นปาฐกถาสำคัญครั้งแรกของเขาเกี่ยวกับนโยบายพลังงาน ทอม โดนิลอน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า การผลิตน้ำมันและก๊าซที่ขยายตัวเกินคาด ช่วยส่งเสริมการสร้างงาน และทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น และสหรัฐฯ มีอำนาจมากขึ้นในการเจรจากับชาติอื่นๆ
เขาชี้ว่า จากการใช้เทคโนโลยีขุดเจาะแบบใหม่ ด้วยการอัดน้ำที่มีแรงดันสูง (hydraulic fracturing หรือ fracking) ทำให้สามารถสกัดน้ำมันและก๊าซจากหินน้ำมัน (shale rock) และจะส่งให้อเมริกาแซงหน้าซาอุดีอาระเบียขึ้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลกในปี 2017
โดนิลอนซึ่งบอกว่า เวลานี้ตนต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาด้านนโยบายพลังงานแทบจะทุกวัน กล่าวต่อไปว่า หลังจากเชื่อกันมาตลอด 40 ปีว่า ซัปพลายพลังงานของสหรัฐฯ กำลังลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้อเมริกาต้องพึ่งพิงน้ำมันต่างชาติมากขึ้นๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังเปลี่ยนไปแล้ว
การผลิตน้ำมันและก๊าซได้เพิ่มขึ้นเช่นนี้ มีส่วนช่วยในเรื่องที่อเมริกากำลังเป็นผู้นำในการผลักดันการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านจากกรณีโครงการนิวเคลียร์ และมาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดเช่นนี้เอง ส่งผลให้เตหะรานส่งออกน้ำมันได้ลดลง กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น ทว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้พุ่งทะยานแต่อย่างใด