“โอบามา” ไม่รู้สึกว่าโปรแกรมสอดแนมโทรศัพท์ “ละเมิดความเป็นส่วนตัว” ชาวอเมริกัน

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ไม่เชื่อว่าโครงการสอดแนมโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของพลเมืองอเมริกัน ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าววานนี้ (16)

เดนิส แม็คโดนัฟ ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เผยต่อรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ว่าเขายังไม่ทราบที่อยู่ของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของเอ็นเอสเอ ผู้เปิดเผยข้อมูลให้หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน และวอชิงตันโพสต์ ทราบว่า เอ็นเอสเอใช้อำนาจสอดแนมการใช้โทรศัพท์และข้อมูลอินเทอร์เน็ตจากบริษัทสื่อสารชั้นนำ เช่น เวอไรซอน คอมมิวนิเคชันส์ อิงก์, กูเกิล และเฟซบุ๊ก

รัฐบาลสหรัฐฯ ชี้แจงว่า การตรวจสอบข้อมูล “เมตะดาตา” ซึ่งหมายถึงข้อมูลดิบที่ไม่ระบุชื่อผู้บอกรับบริการโทรศัพท์ เป็นการกระทำที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย และผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส เพื่อให้รัฐบาลสามารถป้องกันภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย วอชิงตันยังยืนยันอีกว่า เอ็นเอสเอไม่ได้สอดแนมการใช้โทรศัพท์ของพลเมือง

เมื่อพิธีกรตั้งคำถามว่าโอบามาเองมองว่าการกระทำเช่นนี้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกันหรือไม่ แม็คโดนัฟก็ให้คำตอบว่า “ไม่เลย”

ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยอมรับว่า “โปรแกรมตรวจสอบเหล่านี้อาจสร้างความลำบากใจแก่คนจำนวนมาก” แต่ประธานาธิบดีโอบามา “ยินดีให้มีการอภิปรายในเรื่องนี้ เพราะท่านกล่าวว่า เราต้องพยายามสร้างสมดุลในเรื่องสิทธิ และจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ ต้องเตรียมพร้อมทำสงครามไปตลอดกาล”

การที่ สโนว์เดน เปิดโปงพฤติกรรมสอดแนมของเอ็นเอสเอ ส่งผลให้โอบามาถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ยังสานต่อและ “ขยาย” โครงการซึ่งริเริ่มในสมัยของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช หลังสหรัฐฯ เผชิญเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001

“ประธานาธิบดีไม่ได้ขอร้องให้ทุกฝ่าย “เชื่อใจ” ท่าน แต่ต้องการให้สมาชิกสภาคองเกรสทุกคนที่ให้อำนาจรัฐบาลดำเนินโครงการเหล่านี้ได้เข้าใจ ได้รับทราบรายละเอียด และคลายความกังวลใจ” แม็คโดนัฟกล่าว

ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนโครงการสอดแนมโทรศัพท์ แถลงว่า ภายในสัปดาห์นี้เอ็นเอสเอจะเปิดเผยข้อมูลการก่อการร้ายที่โปรแกรมตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์สามารถยับยั้งไว้ได้

“เราทราบว่าโปรแกรมดังกล่าวสามารถป้องกันเหตุโจมตีไว้ได้หลายสิบครั้งแล้ว แต่ที่ต้องระมัดระวังก็เพราะต้องการให้ข้อมูลที่จะเผยในต้นสัปดาห์หน้า มีความถูกต้องแม่นยำ และไม่เปิดเผยกลวิธีที่เราใช้ยับยั้งเหตุโจมตีเหล่านั้น” โรเจอร์สกล่าว

ด้าน ดิก เชนีย์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยบุช ผู้ลูก ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ ฟ็อกซ์นิวส์ ซันเดย์ ว่า เหตุวินาศกรรม 9/11 อาจไม่เกิดขึ้นหากสหรัฐฯ มีการใช้โปรแกรมสอดแนมโทรศัพท์อยู่ก่อนแล้ว