เอเจนซีส์ - ในการเปิดโปงโครงการลับสุดยอดของรัฐบาลอเมริกาโดยลูกจ้างเอาต์ซอร์สของบริษัทที่ทำงานให้แก่ NSA ทำให้เกิดการตั้งคำถามในวงกว้างถึงการที่รัฐบาลอเมริกันเร่งรีบในการจ้างเอกชนหรือเอาต์ซอร์สจำนวนมากมาทำงานเกี่ยวกับข้อมูลที่อ่อนไหวด้านความมั่นคงของประเทศตั้งแต่เหตุการณ์ 11 กันยายน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประมาณ 1 ใน 4 ของคนที่ทำงานด้านข้อมูลความมั่นคงในหน่วยงานรัฐมาจาก “เอาต์ซอร์ส” และประมาญ 70% ของงบประมาณทางด้านการข่าวความมั่นคงตกไปอยู่ในมือของบรรดาบริษัทเอกชน
Boose Allen Hamilton ซึ่งเป็นต้นสังกัดของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการจารกรรมความลับ NSA อันลือลั่น วัย 29 ปี บริษัทนี้จ้างสโนว์เดนมาเป็นเวลาราว 3 เดือน ก่อนที่เขาจะหนีไปกบดานที่ฮ่องกง Boose Allen Hamilton เป็นผู้นำบริษัทอื่นๆ กว่า 1,900 แห่ง ในด้านการให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทางด้านข้อมูลด้านความมั่นคงจำนวนหลายหมื่นคนตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงเจ้าหน้าที่ทางด้านเทคโนโลยีและการจารกรรม
วันจันทร์ (10) ที่ผ่านมานี้ สมาชิกสภาคองเกรสเผยว่าพวกเขาจะตรวจสอบการว่าจ้างของสโนว์เดน และการที่หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชนจากภายนอกมาทำงานให้เป็นหลัก
“เราจะตรวจสอบเรื่องนี้ทุกตารางนิ้ว” คำกล่าวจากผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต อดัม บี. ชิฟฟ์ สมาชิกของคณะกรรมการกำกับความมั่นคงของสภาคองเกรส ซึ่งเขาคาดหวังการรายงานสรุปเกี่ยวกับการรั่วไหลความลับของ NSA ที่มีต่อคณะกรรมการในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ พร้อมทั้งกับพับลิกเฮียริ่งหรือการไต่สวนทางสาธารณะในคดีนี้
และชิฟฟ์กล่าวต่อไปว่า “ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการเกี่ยวกับความมั่นคงมีความเป็นห่วงทางด้านเงินที่ต้องใช้ในการว่าจ้างบริษัทเอาต์ซอร์สพวกนี้ แต่ตอนนี้เราห่วงเรื่องการรั่วไหลของความลับของประเทศมากกว่า เราจะตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน”
ที่ผ่านมามีการเตือนมาตลอดจากทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐด้านความมั่นคง และผู้ตรวจสอบภายในของรัฐว่ามีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการที่ข้อมูลลับของรัฐบาลอาจเป็นอันตรายและถูกล้วงโดยง่ายผ่านการจ้างเอาต์ซอร์สที่แฝงเข้ามา
การที่หน่วยงานรัฐต้องพึ่งพาบริษัทเอกชนภายนอกทำงานให้เป็นจำนวนมากนั้นมีมานานกว่า 15 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน่วยงานรัฐต่างๆ ถูกตัดงบประมาณ และในสมัยรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ต้องการให้ลดขนาดของหน่วยงานภาครัฐให้เล็กลง
ดังนั้น ที่ผ่านมางานด้านความมั่นคงเกือบทั้งหมดถูกยกไปให้บรรดาบริษัทเอกชนเจ้าใหญ่ๆ ทำ รวมถึง Boose Allen Hamilton ซึ่งมีรายรับของบริษัทในปีที่ผ่านมาราว 5.8 พันล้านดอลลาร์ และปรากฏว่างานเกือบจะทั้งหมดของบริษัทนี้ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเกือบจะ 1 ใน 4 ของงานทั้งหมดที่บริษัททำนั้นมาจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
อนึ่ง นับเป็นครั้งแรกในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เหตุการณ์ 11 กันยายน เมื่อการแข่งขันเพื่อแย่งชิงคนที่มีความสามารถเหมาะสมกับงานพวกนี้สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ มันเป็นเรื่องปกติที่จะให้โบนัสราว 30,000 ดอลลาร์ หรือรถใหม่ 1 คันสำหรับพนักงานที่ตำแหน่งงานต้องเข้าสู่ชั้นความลับสุดยอด