ตร.มาเลเซียขู่จับแกนนำฝ่ายค้าน “อันวาร์” ไม่สนเดินสายประท้วงต่อ

เอเจนซีส์ - ตำรวจมาเลเซียขู่ฟ่อในวันพฤหัสบดี (9 พ.ค.) จะตั้งข้อหา “ปลุกปั่นก่อความไม่สงบ” ผู้ปราศรัยบนเวทีชุมนุม ในคืนวันพุธ (8) ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมคับคั่งหลายหมื่นคน เพื่อฟังพวกผู้นำฝ่ายค้านนำโดย อันวาร์ อิบราฮิม ประท้วงโจมตีการโกงเลือกตั้งของฝ่ายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านสวนกลับทันควันพร้อมประกาศจะจัดชุมนุมใหม่ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง เป็นที่คาดหมายกันว่าจะเกิดคลื่นใต้น้ำภายในพรรคอัมโนที่เป็นแกนกลางของแนวร่วมรัฐบาล โดยการประลองกำลังกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์กับสมาชิกสายปฏิรูป จะส่งผลให้แนวทางนโยบายต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค สะดุดชะงักงัน

ฮิซาน ฮัมซาห์ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐเซลังงอร์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการชุมนุมของฝ่ายค้านในคืนวันพุธ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีซึ่งมีทั้งหมด 33 คน อาจจะถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่ ในข้อหาปลุกปั่นก่อความไม่สงบ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่เขาไม่ยืนยันว่า อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำของแนวร่วมฝ่ายค้านจะถูกจับด้วยหรือไม่

สำนักนายกรัฐมนตรีของนาจิบออกคำแถลงตั้งแต่ก่อนการชุมนุมว่า ฝ่ายค้านคำนวณเอาไว้แล้วว่าจะใช้การชุมนุมคราวนี้เพื่อสร้างความไม่สงบ อีกทั้งตำรวจก็ขู่ว่าจะจับกุมผู้ชุมนุมเพราะไม่ได้ขออนุญาต 10 วันล่วงหน้าตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าการชุมนุมซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬาแห่งหนึ่งของรัฐสลังงอร์ ใกล้ๆ เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงใดๆ อีกทั้งตำรวจก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็น สาเหตุอาจเนื่องจากรัฐบาลทราบดีว่า ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจผลการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5)

ด้านพรรคประชายุติธรรมของอันวาร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พรรคฝ่ายค้านที่รวมตัวกันหลวมๆ เป็นพันธมิตร “ปากาตัน รัคยัต” (ภาคีประชาชน) ได้ออกคำแถลงตอบโต้ทันควันว่า เห็นได้ชัดว่า การสอบสวนอย่างผิดกฎหมายของตำรวจ มุ่งเบี่ยงเบนความสนใจไปจากการโกงการเลือกตั้งที่ ปากาตัน กำลังเปิดโปง

ตัวอันวาร์เองประกาศในคืนวันพุธต่อหน้าประชาชนที่แน่นขนัดสนามกีฬาและล้นออกไปถึงบริเวณรอบๆ ว่าจะไม่ยอมแพ้ แต่จะเดินสายจัดการประท้วงทั่วประเทศ โดยนัดหมายต่อไปคือที่รัฐปีนังบ้านเกิดของเขา ในวันเสาร์ (11) นี้

ราฟิซี รัมลี เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งจากพรรคประชายุติธรรม แถลงเพิ่มเติมในวันพฤหัสบดีว่า ฝ่ายค้านวางแผนจัดชุมนุม 2 ครั้งในสุดสัปดาห์นี้ ในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย ซึ่งจุดหนึ่งจะเป็นที่ปีนัง จากนั้นในสัปดาห์หน้าจะจัดการชุมนุมอีก 2 ครั้งในแถบชายฝั่งตะวันออกและทางภาคใต้

ระหว่างการชุมนุมในคืนวันพุธซึ่งผู้เข้าร่วมมากมายสวมชุดดำมาประท้วงผลการเลือกตั้งนั้น อันวาร์ยังประณามแนวร่วมฝ่ายรัฐบาล “บาริซัน เนชันแนล” (แนวร่วมแห่งชาติ) อันมีพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เป็นแกนนำ ว่า “ขาดความชอบธรรม”

ผู้นำฝ่ายค้านผู้นี้สำทับว่า เร็วๆ นี้จะนำหลักฐานออกมาพิสูจน์ว่า รัฐบาลทุจริตการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลใช้สารพัดวิชามาร เช่น หีบบัตรลงคะแนนต้องสงสัย การเกณฑ์คนต่างชาติมากาบัตร กระทั่งถึงหมึกพิมพ์นิ้วมือที่รัฐบาลอวดอ้างว่า ลบไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงกลับลบออกอย่างง่ายดาย

การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าฝ่ายค้านมีโอกาสมากที่สุดที่จะโค่นล้มรัฐบาลบาริซัน ซึ่งผูกขาดปกครองมาเลเซียมาตลอดตั้งแต่ประกาศเอกราชในปี 1957 แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ บาริซันยังคงครองเสียงข้างมากในสภา แม้ได้คะแนนจากผู้ออกเสียงเพียง 47% ต่ำกว่าแนวร่วมฝ่ายค้าน 3%

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งบ่งชี้ให้เห็นความแตกแยกด้านเชื้อชาติอย่างรุนแรง จนเป็นที่คาดหมายกันว่า จะทำให้เกิดศึกภายในรัฐบาล ส่งผลให้แผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและนโยบายต่างๆ ของนาจิบต้องล่าช้าออกไป อย่างน้อยจนถึงการประชุมใหญ่ของพรรคอัมโน ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่า จะมีการประลองกำลังระหว่างกลุ่มหัวเก่ากับกลุ่มปฏิรูป และมีผู้ท้าชิงแย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคจากนาจิบ

กลุ่มอนุรักษนิยมในอัมโนโทษว่า การปล่อยปละให้เกิดการแบ่งขั้วทางด้านเชื้อชาติตลอดจนการแปรพักตร์ตีจากอัมโนของชาวจีน คือสาเหตุที่ทำให้ บาริซัน มีผลงานการเลือกตั้งย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่กลุ่มปฏิรูปมุ่งกระตุ้นให้นาจิบดำเนินการเพื่อขยายฐานเสียงให้ครอบคลุมมากกว่าแค่ชาวมาเลย์ที่ยากจนในชนบท

ทางด้าน มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีที่บริหารมาเลเซียยาวนานที่สุดและยังคงมีอิทธิพลในอัมโน โจมตีว่า “คนจีนเนรคุณ” และ “คนมาเลย์โลภโมโทสัน” เป็นต้นเหตุให้รัฐบาลสูญเสียคะแนนในการเลือกตั้งคราวนี้

ทั้งนี้ ประชากรแดนเสือเหลือง 28 ล้านคนประกอบด้วยชาวมาเลย์ 60%, ชาวจีนกว่า 25% และชาวอินเดียราว 7%

ทว่า ในสายตาของลิว ชิน ตอง ส.ส.ฝ่ายค้านจากรัฐยะโฮร์นั้น เขาเห็นว่ารัฐบาลอ่านเกมพลาดไปถนัด เพราะผู้ที่หันหลังให้ บาริซัน ไม่ได้มีเพียงชาวจีน แต่ยังรวมถึงหนุ่มสาวจำนวนมากที่มีสิทธิออกเสียงเป็นครั้งแรกและครั้งที่ 2

นอกจากต้องต่อสู้กับข้อกล่าวหาโกงการเลือกตั้งแล้ว นาจิบยังต้องฝ่าด่านกลุ่มอนุรักษ์ในอัมโนที่ต่อต้านนโยบายลดสิทธิพิเศษสำหรับชาวมาเลย์ที่ใช้บังคับมาหลายสิบปี รวมถึงมาตรการปฏิรูปอ่อนไหวหลายอย่าง เป็นต้น การเก็บภาษีการบริโภคเพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากน้ำมัน รวมทั้งลดการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงและราคาอาหาร เพื่อจัดการกับปัญหาขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง

นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีชี้ว่า แนวโน้มการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในมาเลเซียจะยังคงไร้ความแน่นอนจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า นโยบายปฏิรูปของนาจิบสามารถเดินหน้าต่อไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลิวแนะให้รอดูการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ว่า นาจิบจะพยายามเอาใจกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดหรือเน้นเฉพาะชาวมาเลย์ รวมทั้งจะเลือกสมาชิกอัมโนกลุ่มสุดโต่งหรือว่ากลุ่มปฏิรูป