xs
xsm
sm
md
lg

“นาจิบ” ขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียต่อ “อันวาร์” รวมพลังต้าน รบ.ขี้โกงพุธนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงแถลงข่าวมาเลเซีย แสดงให้เห็นนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค (ขวา) เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย เพื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 เมื่อวันจันทร์(6) ภายหลังการเลือกตั้งที่ถูกฝ่ายค้านประณามว่ามีการโกงกันอย่างร้ายแรงเป็นประวัติการณ์
เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียเมื่อวันจันทร์ (6) เพื่อเข้ารับตำแหน่งบริหารประเทศเป็นสมัยที่ 2 ภายหลังแนวร่วมรัฐบาลของเขายังคงรักษาเสียงข้างมากเอาไว้ได้ ในการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งถูกฝ่ายค้านประณามว่าเต็มไปด้วยการทุจริต อย่างไรก็ตาม อนาคตของเขาไม่สู้สดใสนัก โดยในเฉพาะหน้านี้ อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำของฝ่ายค้านประกาศให้ประชาชนออกมาแสดงพลังต่อต้าน “การโกงเลือกตั้งครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์” วันพุธนี้ (8) ขณะที่แหล่งข่าววงในพรรคอัมโนที่เป็นแกนนำรัฐบาลก็ชี้ว่า ราซัคอาจเจอแรงกดดันในพรรคจนต้องลงจากตำแหน่งในปลายปีนี้ เพราะผลการเลือกตั้งชี้ถึงคะแนนนิยมที่ย่ำแย่ลงไปอีก

ในวันจันทร์ (6) ราซัคเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ต่อสมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซีย หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่า พันธมิตร “บาริซัน เนชันแนล” (แนวร่วมแห่งชาติ หรือบีเอ็น) ของเขาเป็นฝ่ายชนะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จากการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (5)
ขณะที่ อันวาร์ ผู้นำของพันธมิตรฝ่ายค้าน “ปากาตัน รัตยัต” (ภาคีประชาชน) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันประท้วง “การโกงเลือกตั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซีย” ในวันพุธ ณ สนามกีฬาชานกรุงกัวลาลัมเปอร์

“รัฐบาลสูญเสียความชอบธรรมแล้ว” อันวาร์ วัย 65 ปี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี และเรียกการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อชาวมาเลเซีย

บรรดาผู้สนับสนุน ปากายัน รัตยัต ซึ่งประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้านรวม 3 พรรค ต่างรู้สึกผิดหวังและขมขื่น เนื่องจากคาดหมายไว้สูงว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ แต่ผลลัพธ์คือ พวกเขาได้ที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้วในปี 2008 เพียง 7 ที่นั่ง

ทางด้าน นาจิบ วัย 59 ปี ออกมายอมรับว่า การเลือกตั้งคราวนี้ซึ่งชี้ชัดว่าชนกลุ่มน้อยชาวจีนตีตัวออกจากแนวร่วมรัฐบาลหันไปหาพันธมิตรฝ่ายค้านมากขึ้นนั้น ทำให้การแบ่งแยกด้านเชื้อชาติในมาเลเซียหยั่งรากลึกยิ่งขึ้น กระนั้นเขาให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อสร้างความปรองดอง

นอกจากประกาศจัดการชุมนุมแล้ว อันวาร์ระบุว่า ฝ่ายค้านจะตรวจสอบข้อกล่าวหาโกงการเลือกตั้งในพื้นที่เลือกตั้งนับสิบๆ เขต ก่อนตัดสินใจว่าจะยื่นเรื่องคัดค้านผลการเลือกตั้งหรือดำเนินคดีในศาลต่อไป

ขณะที่ อาซีซุดดิน ซานี นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยอุตระ มาเลเซีย แสดงความเห็นว่า อันวาร์สามารถร้องเรียนได้ แต่ตนไม่คิดว่า ฝ่ายค้านจะท้าทายหรือเปลี่ยนผลการนับคะแนนได้

ภายใต้การนำของอันวาร์ อดีตรองนายกฯ ที่ถูกนายเก่า มหาเธร์ โมฮัมหมัด ปลดและถูกจำคุกในปี 1998 นั้น ปากาตันสามารถขี่กระแสความเบื่อหน่ายของประชาชนที่มีต่อการคอร์รัปชันและการบริหารแบบเผด็จการของรัฐบาล และทำให้แนวร่วมรัฐบาลเกิดการซวนเซครั้งใหญ่ตั้งแต่การเลือกตั้งหนที่แล้วปี 2008

ขณะที่ในการเลือกตั้งคราวนี้ ผู้มีสิทธิออกเสียงมากมายร้องเรียนว่า มาตรการสำคัญประการหนึ่งซึ่งนาจิบระบุว่าเป็นเครื่องรับประกันว่าจะไม่มีการโกงการเลือกตั้ง อันได้แก่การให้ผู้ที่ใช้สิทธิแล้วพิมพ์นิ้วมือด้วย “หมึกที่ไม่สามารถลบได้” จะได้ไม่สามารถไปเวียนเทียนลงคะแนนอีกนั้น แท้จริงแล้วหมึกดังกล่าวสามารถใช้นิ้วลบออกอย่างง่ายดาย

นอกจากนั้นยังมีวิดีโอ ภาพถ่าย และผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมากยืนยันว่อนอินเทอร์เน็ตว่า พบ “ผู้มีสิทธิออกเสียง” ชาวต่างชาติในคูหาเลือกตั้ง ซึ่งตรงกับที่อันวาร์เคยกล่าวหาก่อนวันเลือกตั้งไม่นานว่า รัฐบาลขน “ผู้ต้องสงสัย” หลายหมื่นคน ซึ่งอาจเป็นชาวต่างชาติ ไปยังเขตเลือกตั้งสำคัญหลายแห่งทั่วประเทศ

ในการเลือกตั้งคราวนี้ พันธมิตรรัฐบาลได้ที่นั่งในสภา 133 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง หรือน้อยลงจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 7 ที่นั่ง ขณะที่สื่อออนไลน์อิสระรายงานว่า บาริซัน เนชันแนล ได้คะแนนเลือกตั้งรวมทั่วประเทศเพียงแค่ 48% เท่านั้น ทำให้ผู้สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองโจมตีทันทีว่า ระบบการเลือกตั้งถูกบิดเบือนเพื่อประโยชน์ของรัฐบาล

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ยังเพิ่มความเป็นไปได้ในการปิดฉากการเมืองของอันวาร์ เนื่องจากเขาเคยประกาศว่า หากปากาตัน รัคยัต ไม่ได้เสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เขาจะลงจากตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสในพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนาจิบ เผยว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ถือว่าแนวร่วมรัฐบาล มีผลงานย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำภายในพรรค โดยเฉพาะในการเลือกตั้งผู้นำพรรคอัมโนตอนปลายปีนี้ กระทั่งนาจิบอาจต้องยอมลงจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯที่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในอัมโน เคยกล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า นาจิบที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2009 จะต้องทำให้พรรครัฐบาลผสมได้คะแนนมากกว่า 140 ที่นั่งในปี 2008 ไม่เช่นนั้นตำแหน่งในพรรคอาจคลอนแคลน
กำลังโหลดความคิดเห็น