“นาจิบ” นายกฯ เสือเหลืองเตือน ศก.ถอยหลังเข้าคลองแน่ หากพรรค รบ.มาเลย์ได้เสียงน้อยลงในการเลือกตั้งครั้งใหม่

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย ออกโรงเตือนในวันพุธ (27) โดยระบุว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการ “ถอยหลังเข้าคลอง” หากพรรคองค์การสหชาติมาเลย์ (อัมโน) และพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าที่กำลังจะมีขึ้น พร้อมย้ำการ “ปฏิรูป” ไม่อาจทำได้เพียงชั่วข้ามคืน

นาจิบ วัย 59 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของมาเลเซียตั้งแต่เมื่อปี 2009 ระบุว่าการครองเสียงข้างมากในรัฐสภาด้วยสัดส่วนที่ “ลดน้อยถอยลง” ของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อความพยายามในการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ และกระตุ้นการลงทุนของประเทศ รวมถึงอาจกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตัวเขาเช่นกัน พร้อมย้ำว่ามาเลเซียจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่าน และปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ

ท่าทีล่าสุดของนาจิบซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมาเลเซีย มีขึ้นหลังเป็นที่แน่ชัดว่าการประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ของแดนเสือเหลืองจะต้องมีขึ้นในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ท่ามกลางการคาดหมายของนักวิเคราะห์หลายสำนักว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเป็นการเลือกตั้งที่มีขับเคี่ยวกันหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่มาเลเซียได้เอกราชจากอังกฤษ ระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลกับแนวร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี หลังผลการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2008 จบลงด้วยการที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ในรัฐสภาได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

รายงานข่าวระบุว่า พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยพรรคอัมโน ซึ่งผูกขาดครองอำนาจในการปกครองประเทศมานานกว่า 56 ปี ได้รับข่าวดีอยู่บ้าง หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเติบโตได้ถึง 5.6 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 แต่ก็ยังไม่อาจชดเชยกับความตกตะลึงของนักลงทุนได้ หลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์ยังคงตกต่ำอย่างหนักและกลายเป็นดัชนีที่ตกต่ำที่สุดของเอเชียในปีนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนาจิบ ราซัค ประสบความสำเร็จในการลดตัวเลขการขาดดุลงบประมาณลงจากระดับสูงกว่า 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อนาจิบขึ้นครองอำนาจในปี 2009 เหลือเพียง 4.5 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้วแต่ยอดหนี้สาธารณะของมาเลเซียล่าสุดกลับพุ่งสูงแตะระดับ 53 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี จากระดับ 43 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเมื่อปี 2008