xs
xsm
sm
md
lg

แฉเลือกตั้ง “มาเลเซีย” โกงสะบัด คาดฝ่ายค้าน-รัฐบาลคะแนนคู่คี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวมาเลเซียเข้าแถวรอโหวตเลือกตั้ง ส.ส. ในหน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (5) คณะกรรมการเลือกตั้งของแดนเสือเหลืองระบุว่า การเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้มีผู้ออกใช้ลงคะแนนกันคับคั่ง น่าที่จะสร้างสถิติใหม่ ในขณะที่การแข่งขันชิงชัยระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านก็ดำเนินไปอย่างคู่คี่มาก
เอเจนซีส์ - ชาวมาเลเซียเรือนล้านพากันออกไปใช้สิทธิลงคะแนนอย่างเนืองแน่นเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ในการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเห็นกันว่าฝ่ายค้านและรัฐบาลแข่งขันช่วงชิงกันอย่างคู่คี่ที่สุด ท่ามกลางการรายงานข่าวสารพัดวิชาโกงแพร่สะพัดว่อนอินเทอร์เน็ต

ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากไปเข้าแถวรอกาบัตรเลือกตั้งทั่วมาเลเซีย เพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 222 คน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งคาดหมายว่า จะมีผู้ออกมาโหวตถึงราว 80% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 13 ล้านคน นั่นคือกว่า 10 ล้านคนซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยผลการนับคะแนนจะเริ่มทะยอยออกมาหลังจากเวลา 20.00 น. คืนวันอาทิตย์ ตามเวลาประเทศไทย

ทั้งนี้ พันธมิตรฝ่ายรัฐบาลที่มีชื่อว่า “บาริซาน เนชันนาล” (แนวร่วมแห่งชาติ) ซึ่งนำโดยพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เป็นฝ่ายที่ครองอำนาจปกครองประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่มาเลเซียประกาศเอกราชในปี 1957

ทว่า แนวร่วมฝ่ายค้านที่ใช้ชื่อว่า ปากาตัน รัคยัต (ภาคีประชาชน) และนำโดยอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง อันวาร์ อิบราฮิม กำลังมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากการช่วงชิงที่นั่ง ส.ส.ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จนทำให้แนวร่วมฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ถึง 2 ใน 3 แบบที่เคยเป็นมา

พวกนักวิเคราะห์ต่างเห็นกันว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ แนวร่วมฝ่ายค้านน่าจะได้คะแนนเสียงและที่นั่ง ส.ส.เพิ่มมากขึ้นอีก รวมทั้งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะถึงขั้นเป็นฝ่ายชนะได้เสียง ส.สงเกินกึ่งหนึ่งของสภาทีเดียว โดยถึงแม้ บาริซัน เนชันแนล ของฝ่ายรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคและกลุ่มการเมืองต่างๆ 13 พรรค ยังคงมีความได้เปรียบมากกว่า ทว่า ผลสำรวจล่าสุดกลับบ่งชี้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะออกมาคู่คี่อย่างมาก

พันธมิตรปากาตัน ซึ่งนำโดย อันวาร์ อดีตนักการเมืองดาวรุ่งของอัมโนที่ถูกปลดจากตำแหน่งรองนายกฯ และถูกจำคุก 6 ปีในปี 1998 หลังจากขัดแย้งกับมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น สามารถทำคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาอย่างชัดเจน ด้วยการให้สัญญายุติการคอร์รัปชันและระบอบเผด็จการของรัฐบาล รวมทั้งปฏิรูปนโยบายให้สิทธิพิเศษแก่ชาวมาเลย์ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ทั้งนี้นโยบายอย่างหลังนี้ถูกโจมตีหนักว่า ถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของชนชั้นสูงชาวมาเลย์

ด้านนายกฯ นาจิบที่อยู่ในสภาพหลังชนฝา ก็ได้ตอบโต้ด้วยการเสนอแผนปฏิรูปการเมืองแบบจำกัด พร้อมอัดฉีดเงินสดตามแนวทางประชานิยมถึง 2,600 ล้านดอลลาร์ให้แก่ครอบครัวคนจนกลุ่มต่างๆ และอวดอ้างการเติบโตแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นแนวร่วมรัฐบาลยังมีความได้เปรียบอย่างมากหลายๆ ประการ เป็นต้นว่า การมีอำนาจควบคุมสื่อกระแสหลัก สถาบันสำคัญ และระบบการเลือกตั้ง

นาจิบยังพยายามย้ำเตือนว่า ชัยชนะของฝ่ายค้านจะเป็นหายนะสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ และอาจเกิดความวุ่นวายและความขัดแย้งทางเชื้อชาติ เนื่องจากปากาตันประกอบด้วยพรรคจากหลายเชื้อชาติ ได้แก่ พรรคของชาวจีน และพรรคมุสลิมมาเลย์

“ฉันอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง และคิดว่าฝ่ายค้านมีโอกาสที่ดีที่จะได้เป็นรัฐบาล ห่วงอย่างเดียวเท่านั้นคือการโกงการเลือกตั้ง” วาร์ดินา ชาฟี วิศวกรคอมพิวเตอร์วัย 31 ปี กล่าว

ทันทีที่ปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 16.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ข่าวอิสระ Malaysiakini เต็มไปไปด้วยรายงานเรื่องราวน่าสงสัยว่ามีการโกงการเลือกตั้งโดยฝ่ายรัฐบาล เพิ่มความเป็นไปได้ว่า ฝ่ายค้านอาจโต้แย้งผลการเลือกตั้งหากแนวร่วมรัฐบาลชนะเพียงเฉียดฉิว

ประชาชนจำนวนมากรายงานว่าหมึก “ลบไม่ได้" ที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องการปฏิรูปการเลือกตั้งให้เป็นธรรมยิ่งขึ้นนั้น เอาเข้าจริงแล้วสามารถใช้นิ้วลบออกได้ง่ายๆ ทำให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งอาจไปใช้สิทธิได้มากกว่าหนึ่งครั้ง

ก่อนการเลือกตั้ง อันวาร์ยังกล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาลขน “ผู้มีสิทธิออกเสียงต้องสงสัย” 40,000 คน ซึ่งรวมถึงคนต่างชาติ บินไปส่งทั่วประเทศ ขณะที่ทางรัฐบาลแก้ตัวว่า แค่ต้องการพาผู้มีสิทธิออกเสียงไปส่งในเขตเลือกตั้งเท่านั้น แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ

นาจิบยังทวิตเมื่อวันอาทิตย์ว่า “เรายึดมั่นในการเลือกตั้งที่เป็นธรรม”

กระนั้น กลับปรากฏคลิปและภาพถ่าย “ผู้มีสิทธิออกเสียง” ชาวต่างชาติเดินออกจากคูหาเลือกตั้งว่อนอินเทอร์เน็ต

“นี่เป็นการแข่งขันที่คู่คี่มาก แต่ผมไม่กลัว ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปแล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ธุรกิจการเมืองควรได้รับการควบคุม” เอช.วาย. อ๋อง ผู้มีสิทธิออกเสียงวัยปลดเกษียณกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น