เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกมาแสดงความยินดี หลังจากชิ้นส่วนเรือกวาดทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ ซึ่งเกยค้างอยู่บนแนวปะการังในเขตอนุรักษ์ตั้งแต่เมื่อ 10 สัปดาห์ก่อน ถูกเคลื่อนย้ายออกไปเป็นที่เรียบร้อย วานนี้(30) แต่ย้ำว่าต้องมีการเรียกค่าชดเชยสำหรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
เจ้าหน้าที่กู้ซากเรือซึ่งกองทัพเรือสหรัฐฯว่าจ้าง เคลื่อนย้ายชิ้นส่วนสุดท้ายของเรือกวาดทุ่นระเบิด ยูเอสเอส การ์เดียน ออกไปจากแนวปะการังทุบบาตาฮา (Tubbataha Reef) ในทะเลซูลู ซึ่งถูกประกาศเป็นมรดกโลก เรียบร้อยแล้ว
“เรายังยืนยันคำเดิมว่าต้องมีผู้รับผิดชอบ และเราจะบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเต็มที่” เฮอร์มินิโอ โคโลมา โฆษกประจำตัวประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน แถลง
“เราจะออกมาตรการที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้อุบัติเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก” เขาระบุ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เรือ ยูเอสเอส การ์เดียน สร้างความเสียหายต่อแนวปะการังเป็นพื้นที่ราว 4,000 ตารางเมตร ซึ่งแนวปะการังแห่งนี้มีทั้งความงดงามของโลกใต้ทะเลและความหลากหลายทางชีวภาพแทบไม่ด้อยไปกว่า “เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ” ในออสเตรเลีย
ทุบบาตาฮา จัดเป็นเขตอนุรักษ์ทางทะเลที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายฟิลิปปินส์ และเป็นเขตห้ามเดินเรือ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากทางอุทยานเสียก่อน
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ค่าปรับที่มะนิลาจะเรียกเก็บอาจสูงถึง 585 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17,100 บาท) ต่อตารางเมตร ซึ่งถ้าคำนวณจากพื้นที่ความเสียหายที่ประเมินไว้ สหรัฐฯอาจต้องจ่ายค่าชดเชยครั้งนี้ถึง 2,340,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 68 ล้านบาท
แม้พื้นที่อุทยานจะได้รับความเสียหายไม่มากนัก แต่เหตุการณ์นี้ก็จุดกระแสชาตินิยมในฟิลิปปินส์ และปลุกเสียงวิจารณ์เรื่องที่รัฐบาลอนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศ
สหรัฐฯเคยออกแถลงการณ์ขออภัยหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยมีคำอธิบายที่ชัดเจนว่า เหตุใดเรือรบซึ่งติดตั้งอุปกรณ์อันทันสมัยจึงชนเข้ากับแนวปะการังที่มองเห็นได้ชัดเจนจากแผนที่ทุกฉบับ